Razer Opus X

Bluetooth Headphone

รุ่นน้องราคาย่อมเยา คุณภาพแจ๋วไม่แพ้รุ่นพี่ !

425AUDIO สรุปชัดๆ :

• Razer Opus X เป็นหูฟังรุ่นเล็กของ Razer Opus ที่ราคาถูกลง แต่การใช้งานยังยอดเยี่ยมไม่แพ้ตัวรุ่นสูงเลยครับ
• ดีไซน์เรียบๆแต่สวย วัสดุดี โฟมเป็น PU นุ่มๆ ใส่สบาย นํ้าหนักเบาใส่แล้วไม่หนักหัว
• ระบบตัดเสียงรอบข้าง Active Noise Cancelling ทำได้ดี ใส่เงียบ เสียงรอบตัวเงียบหายไปมากอย่างเห็นได้ชัด
• โทนเสียงเด่นที่เวทีเสียงและมิติเสียง ที่ให้ทั้งความกว้างและความลึกคล้ายยืนอยู่ตรงกลางวงดนตรี เก็บรายละเอียดเสียงดนตรีได้คมกริ๊บ
• ไมโครโฟนอยู่ในระดับมาตรฐานค่อนไปทางดีครับ เสียงพูดฟังชัดเจน การตัดเสียงรอบข้างก็ทำได้น่าพอใจ ถึงแพ้จะยังพอได้ยินเสียงรอบๆตัวอยู่บ้าง แต่เสียงพูดยังดังฟังชัดและฟังถนัดครับ
• ใช้เล่นเกมส์ได้ไม่มีดีเลย์ เล่น PUBG, Freefire จับเสียงเท้าศัตรูง่ายมาก ซาวด์เกมส์ฟังสนุก ใส่เล่นน้าไม่ล้าหูครับ
• ดูหนัง Youtube, Netflix, Disney+ ไม่ดีเลย์ เสียงบรรยากาศในหนังมาเต็ม ดูหนังได้อารมณ์มากๆครับ
• แบตเตอรี่อึดมากๆ สูงสุด 40 ชั่วโมง (แบบไม่เปิดโหมดตัดเสียงรอบข้าง ANC) ใช้งานได้ยาวๆไม่ต้องชาร์จบ่อย
• รองรับแอปพลิเคชั่น Razer Audio (iOS & Android) หน้าตาใช้งานง่าย
• น่าเสียดายที่ใช้งานได้เฉพาะ Bluetooth เสียบสายแจ๊ค 3.5 มม. ไม่ได้
• ในภาพรวมแล้ว ในราคาแค่นี้ เป็นหูฟังบลูทูธทรงครอบหูอีกตัวที่คุ้มค่ามากๆ ตอบโจทย์คนเน้นเล่นเกมส์ ฟังเลพง ดูหนัง ใช้คุยประชุมงาน Work From Home ทั่วไปครับ

Product Highlight :

• ระบบตัดเสียงรอบข้าง Active Noise Cancelling Technology
• โหมดดูดเสียงรอบข้าง Qucik-Attention Mode
• ระบบ Game Mode เล่นเกมส์ไม่ดีเลย์
• ควบคุมด้วยปุ่มกด เพิ่มเสียง-ลดเสียงที่หูฟังได้
• ไดร๋เวอร์ Dynamic ขนาด 40 มม. แบบ custom-tuned
• ตอบสนองความถี่ตั้งแต่ 20Hz - 20kHz
• มีไมโครโฟน Built-in มา 4 ตัวสำหรับคุยสนทนาสาย
• เชื่อมต่อด้วย Bluetooth 5.0
• ใช้งานต่อเนื่องได้สูงสุด 40 ชม. (แบบปิด Active Noise Cancelling)
• ใช้งานต่อเนื่องได้สูงสุด 30 ชม. (แบบเปิด Active Noise Cancelling)

Sound Review (เป็นความคิดเห็นของทีมงาน 425AUDIO นะครับ)

• สัมผัสแรกที่ได้ยินเลยคือ เวทีเสียงและมิติเสียง ที่ให้ทั้งความกว้างและความลึกได้ชัดเจนมากๆคล้ายเรายืนอยู่ตรงกลางที่มีวงดนตรียืนล้อมรอบ ให้ความรู้สึกที่ฟังโปร่งมากๆครับ
• การแยกเสียงดนตรีแต่ละชิ้นทำได้ยอดเยี่ยมมากๆครับ เสียงดนตรีแต่ละชิ้นฟังชัดเหมือนเห็นเป็นตัวๆ เสียงดนตรีแต่ละชิ้นไม่กัดไม่กวนกัน เรียงรายบนเวทีเสียงได้อย่างเหมาะสม เราสามารถสัมผัสกับเสียงดนตรีที่อยู่ในเพลงได้แทบจะทุกชิ้นเลยละครับ
• เสียงร้องจะไม่ได้ชิดตัวมาก แต่ก็ไม่ได้ถอยห่างจนเกินไป เป็นเสียงร้องที่เคลียร์ชัด มีนํ้ามีนวล ไม่มีเสียงดนตรีรอบๆมากวน เป็นเสียงร้องที่ใสมากๆ ส่วนเสียงเครื่องดนตรีรอบๆเสียงร้องก็ให้รายละเอียดได้คมชัด ฟังแล้วรู้สึกว่าเสียงดนตรีเติมเต็มอารมณ์เพลงได้อย่างไม่มีขาดไม่มีเกินเลยละครับ
• เสียงเบสจะมีขนาดลูกที่ใหญ่ หัวโน๊ตเสียงกีต้าร์เบสออกเป็นลูก และลำตัวทอดเสียงได้ไกลและนิ่ง เป็นเบสที่ฟังแน่น ลึกหยอกล้อกับกระเดื่องกลองได้ดี ฟังแล้วรู้สึกว่าภาคจังหวะของเพลงมีความแข็งแรงมากๆ เสียงกลองชุดก็มีความแน่น ออกชัดเป็นลูกๆ อิมแพ็คออกพอดีๆ ไม่แรงไปจนฟังล้าหู หรือเบาไปจนฟังดูไม่สนุก ให้จังหวะที่ฟังกำลังสนุกครับ

สรุป :

• โทนเสียงของ Razer Opus X เป็นโทนเสียงที่ฟังสนุกและฟังง่ายมากๆทั้งกับผู้ฟังทั่วไปและผู้ฟังที่เป็น music lover เป็นโทนเสียงที่ให้ภาคจังหวะที่ฟังแน่น ลึก อิมแพ็คฟังสนุก รายละเอียดเสียงดนตรีต่างๆก็เก็บออกมาถ่ายทอดให้เราได้ยินได้อย่างง่ายดาย และมีเสียงร้องที่เคลียร์ใสฟังง่าย ฟังตามอารมณ์เพลงได้เพลินๆ ในความคิดเห็นของทีมงานคิดว่าโทนเสียงของ Razer Opus X เป็นโทนเสียงที่ฟังดีกับเพลงทุกๆแนว แต่สำหรับทีมงานแล้ว เพลงแนว Pop, Metal, EDM, R&B และ Hip-Hop ฟังกับ Razer Opus X ได้ลงตัวมากๆครับ

ประสบการณ์การใช้งานจริงของทีมงาน 425AUDIO

ดีไซน์ : ดูเรียบๆแต่สวย สีสันจี๊ดจ๊าด

• ดีไซน์มาแบบเรียบๆแต่ดูเท่ครับ วัสดุตัวหูฟังเป็นพลาสติกแข็งผิวด้านๆ จับถนัดมือ ส่วนของ earcup หรือส่วนของที่ครอบหูเป็นโฟมแบบ PU นุ่มๆ เช่นเดียวกับก้านหูฟังซัพหัวครับ
• ที่ฝั่ง earcup ข้างขวาจะมีปุ่มควบคุมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปุ่มเปิด-ปิดหูฟัง, ปุ่มเล่นเพลง/หยุดเพลงและฟังชั่นอื่นๆ และปุ่มเพิ่มเสียงลดเสียง ถัดจากปุ่มกดก็จะเป็นช่องเสียบสายชาร์จ USB-C ครับ
• ที่ฝั่ง earcup ข้างซ้ายก็จะเป็นเรียบๆ ไม่มีปุ่มอะไร ดูสะอาดตาดีครับ
• earcup ทั้งสองข้างสามารถหมุนราบกับพื้นเรียบๆได้ เพื่อให้จัดเก็บได้ง่ายยิ่งขึ้น หรือห้อยคอแล้วไม่เกะกะครับ
• ที่ก้านหูฟังสามารถปรับเพิ่มความยาวเพื่อรับกับคนที่มีขนาดศีษระใหญ่ๆได้ครับ
• แต่น่าเสียดายที่มันพับก้านเก็บเป็นอันเล็กๆไม่ได้ แต่ทีมงานไม่ซีเรียสตรงนี้มากเพราะสามารถใส่กระเป๋าสะพายได้สบายๆครับ

การสวมใส่ : ใส่นุ่มหู สบายศีษระ

• เท่าที่ทีมงานลองใส่พบว่าใส่สบายดีครับ โฟมนุ่มไม่เจ็บรอบๆใบหู ก้านหูฟังก็ไม่บีบหัวเกินไป แต่ทีมงานใส่นานๆแล้วแอบร้อนหน่อยๆ มีเหงื่อเล็กๆในห้องที่ไม่ได้เปิดแอร์ แต่ถ้าใส่ในห้องแอร์ก็ไม่ร้อนอะไรครับ ใส่ได้เรื่อยๆ
• ตัวหูฟังมีนํ้าหนักเบาครับ แต่ไม่ได้เท่า Razer Barracuda X แต่รวมๆแล้วใส่แล้วไม่หนักหัว ไม่ปวดคอ ใส่สบายครับ

การเชื่อมต่อ : ต่อด้วย Bluetooth 5.0 สัญญาณนิ่ง ไม่พบกระตุก

• การเชื่อมต่อก็เหมือนกับหูฟัง Bluetooth ทั่วไปครับ กดปุ่ม power ค้างไว้เพื่อเปิด ในการเปิดใช้งานครั้งแรกหูฟังจะเข้าโหมดจับคู่ให้เอง เปิด Bluetooth ที่อุปกรณ์แล้วเลือกเชื่อมต่อ Razer Opus X ได้เลยครับ ง่ายๆ
• แต่น่าเสียดายที่ Razer Opus X ต่อใช้งานได้เฉพาะ Bluetooth เสียบสาย 3.5 มม. ไม่ได้ แต่ส่วนตัวทีมงานไม่ได้ซีเรียสตรงนี้มาก เพราะแบตเตอรี่ที่ให้มาก็ใช้งานได้ได้เหลือๆอยู่แล้วครับ
• เท่าที่ทีมงานลองใช้มา ทีมงานพบสัญญาณกระตุกแบบเสี้ยววินาที 1 ครั้ง ซึ่งมันน่าจะเป็นเพราะสัญญาณ Wi-Fi ภายในออฟฟิศและภายในบ้าน แต่นานมากๆจะเจอ 1 ที ซึ่งของงี้เป็นปกติของหูฟังไร้สายอยู่แล้วครับ ไม่ได้เป็นบ่อยเลย

การตัดเสียงรอบข้าง Active Noise Cancelling และโหมดฟังเสียงรอบข้าง Ambient Sound

• โหมดตัดเสียงรอบข้าง Active Noise Cancelling ตัดได้เงียบดีครับ เสียงแอร์หรือเสียงพัดลมในห้องหายไปเยอะมากจนรู้สึกว่าเงียบขึ้นอย่างชัดเจนครับ
• ในโหมดฟังเสียงรอบข้าง Ambient Sound นั้นก็ให้เสียงได้ดัง ฟังชัด และโทนเสียงฟังดูเป็นธรรมชาติ มิติเสียงไม่หลอกหู ใช้ฟังเสียงรอบๆตัวได้สบายๆโดยไม่ต้องถอดหูฟังออกจากหูครับ

แอปพลิเคชั่น : รองรับแอปฯ Razer Audio, เช็คแบตเตอรี่, เปิด-ปิด Game Mode, ปรับ EQ, และอื่นๆ !

• รองรับแอปพลิเคชั่น Razer Audio (iOS & Android) ซึ่งในแอปฯก็จะมีให้เราเช็คแบตเตอรี่ของหูฟัง, เปิด-ปิด Game Mode, เปิด-ปิด Auto-Shutoff (ฟังชั่นปิดอัตโนมัติเมื่อไม่มีการเล่นเพลงใดๆ) ครับ
• ในส่วนของการปรับ EQ นั้น ก็จะมีเป็นค่าเสียงที่ทาง Razer ตั้งมาให้ (presets) ซึ่งมีให้เลือกเช่น Amplified (เสียงดังขึ้น), Default (ค่าเสียงปกติ), Enhanced Bass (เพิ่มเสียงเบส), Enhanced Clarity (เพิ่มเสียงแหลม) และ Vocal (เน้นเสียงร้อง) ครับ
• น่าเสียดายที่ EQ นั้นไม่สามารถปรับแบบ manual ได้เหมือน Razer Hammerhead X แต่ส่วนตัวทีมงานคิดว่าเสียงเริ่มต้นมันก็ยอดเยี่ยมอยู่แล้วครับ

คุณภาพเสียง : บอกได้คำเดียวว่า “เด็ดมาก..”

• โทนเสียงของ Razer Opus X เป็นโทนเสียงที่ฟังสนุกและฟังง่ายมากๆทั้งกับผู้ฟังทั่วไปและผู้ฟังที่เป็น music lover เป็นโทนเสียงที่ให้ภาคจังหวะที่ฟังแน่น ลึก อิมแพ็คฟังสนุก รายละเอียดเสียงดนตรีต่างๆก็เก็บออกมาถ่ายทอดให้เราได้ยินได้อย่างง่ายดาย และมีเสียงร้องที่เคลียร์ใสฟังง่าย ฟังตามอารมณ์เพลงได้เพลินๆ ในความคิดเห็นของทีมงานคิดว่าโทนเสียงของ Razer Opus X เป็นโทนเสียงที่ฟังดีกับเพลงทุกๆแนว แต่สำหรับทีมงานแล้ว เพลงแนว Pop, Metal, EDM, R&B และ Hip-Hop ฟังกับ Razer Opus X ได้ลงตัวมากๆครับ

การคุยโทรศัพท์ : เสียงพูดดังฟังชัด ตัดเสียงรบกวนได้ดี แต่ยังมีได้ยินเสียงรอบๆตัวผู้พูดอยู่บ้าง..

• เสียงไมค์ชัดเจนครับ ทีมงานใช้คุยประชุมออนไลน์ผ่าน Google Meet, Zoom ได้ไม่มีปัญหา
• ในการโทรคุยผ่านเครือข่ายปกติ พบว่าเสียงพูดชัดใสดีครับ การตัดเสียงรบกวนก็ทำได้น่าพอใจ ถึงแม้จะยังพอได้ยินเสียงรอบๆตัวอยู่บ้าง แต่เสียงพูดยังดังฟังชัดเจนครับ
• ในการโทรคุยผ่านไลน์ (Line) พบว่าเสียงดังฟังชัดใกล้เคียงกับการโทรผ่านเครือข่ายปกติ และตัดเสียงรบกวนได้น่าพอใจพอๆกัน สามารถใช้คุยโทรศัพท์ได้ เสียงดังฟังชัดเจน ตัดเสียงรบกวนดีครับ

การเล่นเกมส์ : ไม่ดีเลย์ เสียงเท้าศัตรู PUBG, Freefire ฟังชัดจับทิศทางง่าย, เสียงเอฟเฟคสกิล ROV มันส์ !

• ถ้าเล่นเกมส์แบบยังไม่มีเปิด Game Mode อาจมีดีเลย์อยู่บ้าง แต่เมื่อเปิด Game Mode แล้วแทบจะไม่รู้สึกว่าดีเลย์เลยครับ
• ในเกมส์ FPS อย่าง PUBG, Freefire เสียงไม่ดีเลย์ เสียงปืนดังติดนิ้ว การฟังจับเสียงฝีเท้าศัตรูจับง่ายมาก เพราะเค้าจูนมิติเสียงมาดี ซ้าย ขวา หน้า หลังถูกต้องตามมิติเสียงครับ
• ในส่วนของเกมส์ทั่วๆไปอย่าง ROV, Ragnarok X, Genshin Impact ก็เล่นได้เพลินๆครับ ไม่มีดีเลย์ เสียงหรือซาวด์เอฟเฟคเกมส์สะใจและได้อารมณ์มาก และเป็นโทนเสียงที่ใส่เล่นและฟังนานๆไม่ล้าหูเลยครับ

**ค่าความหน่วงอาจแตกต่างขึ้นอยู่กับอุปกรณ์

การดูหนัง : ดูหนังไม่มีดีเลย์ เพลินๆไปกับบรรยากาศของภาพยนต์ได้อย่างเต็มที่ !

• ในส่วนของการดูหนังบน Netflix, Disney+ อันนี้ทีมงานก็ไม่พบดีเลย์เช่นเดียวกัน เสียงตรงปากตัวละครอย่างสนิทครับ
• เสียงและซาวด์ในหนังค่อนข้างให้มิติที่โอบล้อมมากทีเดียวครับ เสียงบรรยากาศในหนังถ่ายทอดออกมาได้ดี เสียงพูดตัวละครก็ดังฟังชัด ส่วนหนังประเภท Action พวกเสียงระเบิด, เสียงยิงปืนก็ฟังแล้วสะใจดีครับ

**ค่าความหน่วงอาจแตกต่างขึ้นอยู่กับอุปกรณ์

แบตเตอรี่ : อึดมาก..ใช้งานได้สูงสุด 40 ชม. ต่อรอบ !

• Razer เคลมว่า Razer Opus X ใช้งานต่อเนื่องได้สูงสุดที่ 40 ชม. (แบบปิดโหมด ANC) แต่ถ้าใช้งานแบบเปิดโหมด ANC ตลอดจะใช้งานได้สูงสุด 30 ชม. ครับ
• เท่าที่ทีมงานใช้มา 4-5 วัน ใช้งานรวมๆไม่ตํ่ากว่า 4-5 ชม. เปิด ANC บ้าง ไม่เปิดบ้าง เจ้า Razer Opus X ก็ยังไม่ร้องเตือนแบตฯใกล้หมดเลยครับ มั่นใจได้เลยว่า แบตฯขนาดนี้ใช้งานได้ยาวๆไม่ต้องเสียบสายชาร์จบ่อยๆ

**แบตเตอรี่ขึ้นอยู่กับวิธีการใช้งานของแต่ละบุคคล

ความคุ้มค่า : ดีไซน์สวย แบตฯอึด มิติเสียงโอบล้อม เวทีเสียงลึก ไมค์คุยดี ในราคาแค่นี้จัดว่าคุ้ม !!

• สรุปรวบยอดแล้วต้องบอกเลยครับว่าหากใครกำลังหาหูฟังบลูทูธทรงครอบหูใช้กับสมาร์ทโฟน ตัดเสียงรอบข้างได้ ฟังเพลง ดูหนัง เล่นเกมส์แบบส่วนตัวไม่มีเสียงรอบข้างมารบกวนบรรยากาศภายในหูฟัง ในราคาแค่นี้ Razer Opus X ใช้ดีคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไปมากๆครับ เพราะดีไซน์สวย ใส่สบาย เสียงเยี่ยม เล่นเกมส์ดูหนังไม่มีดีเลย์ คุยโทรศัพท์ได้ แบตเตอรี่ยังอึดเป็นสิบๆชั่วโมง เรียกว่าไม่ใช่แค่ตอบโจทย์แค่ความมันส์จากการเล่นเกมส์และดูหนังอย่างเดียว แต่ยังใช้งานทั่วๆไปได้ดีอีกด้วยครับ !!

Gallery :

การใช้งานเบื้องต้น

คำแนะนำก่อนเริ่มใช้งาน

• ควรชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มก่อนใช้งานครั้งแรก
• เก็บสติ๊กเกอร์ Synnex เพื่อใช้สิทธิรับประกันสินค้าด้วยนะครับ
• ไม่ควรใช้หัวชาร์จประเภท Fast-charge หรือหัวชาร์จที่เกิน 5V / 1A ครับ
• หากหูฟังโดนนํ้า เลอะเหงื่อ ให้รีบเช็ดให้แห้งสนิททันที

องค์ประกอบหูฟังและปุ่มควบคุมต่างๆ

• A : ก้านหูฟัง
• B : จุดหมุน earbup
• C : โฟมหูฟัง
• D : ปุ่มเพิ่มเสียง
• E : ปุ่ม MF (Multi-Function)
• F : ปุ่มลดเสียง
• G : ไฟแสดงสถานะ
• H : ปุ่ม Power หรือ หรือปุ่มเปิด-ปิดหูฟัง
• I : ช่องเสียบสายชาร์จ USB-C
• J : ไมโครโฟน

การเชื่อมต่อ Bluetooth

1. กดปุ่ม Power ค้างไว้จนไฟกระพริบสีนํ้าเงิน
2. เปิด Bluetooth ที่อุปกรณ์ เลือกเชื่อมต่อ “Razer Opus X”
3. หากไม่ต้องการใช้งานแล้ว ให้กดปุ่ม Power ค้างไว้จนไฟสีแดงติดขึ้นแล้วดับไป
4. ในการใช้งานครั้งต่อไป กดปุ่ม Power ค้างไว้จนไฟสีเขียวติดขึ้นแล้วปล่อยนิ้ว > หูฟังเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ล่าสุดอัตโนมัติ

**หากเชื่อมต่ออยู่ หากหูฟังไม่มีการเล่นเสียงใดๆ > หูฟังจะปิดอัตโนมัติ

**สามารถปิดฟังชั่ ปิดใช้งานอัตโนมัติ (Auto-shutoff) ได้ในแอปพลิเคชั่น Razer Audio (iOS & Android)

การเชื่อมต่อ Bluetooth กับอุปกรณ์ใหม่

1. ขณะหูฟังปิดอยู่ กดปุ่ม Power ค้างไว้จนไฟกระพริบสีนํ้าเงิน
2. เปิด Bluetooth ที่อุปกรณ์ใหม่ เลือกเชื่อมต่อ “Razer Opus X”

การเปิด-ปิดโหมดตัดเสียงรอบข้าง Active Noise Cancelling และโหมดฟังเสียงรอบข้าง Ambient Sound

• กดปุ่ม Power 1 ครั้ง เพื่อเลื่อนไปยังโหมดต่างๆ โดยเริ่มจาก ANC on (เปิดโหมด ANC) > Ambient On (เปิดโหมดฟังเสียงรอบข้าง) > ANC Off (ปิด ANC)

การควบคุม

• เล่นเพลง/หยุดเพลง/รับสาย/วางสาย : กดปุ่ม MF 1 ครั้ง
• เลื่อนเพลง : กดปุ่ม MF 2 ครั้ง
• ย้อนเพลง : กดปุ่ม MF 3 ครั้ง
• ปฏิเสธสาย/เรียก Google&Siri/สลับสาย : กดปุ่ม MF ค้าง 2 วินาที
• เปิด Game Mode : กดปุ่ม MF ค้างไว้ 5 วินาที
• เพิ่มเสียง : กดปุ่ม +
• ลดเสียง : กดปุ่ม -

การชาร์จแบตเตอรี่

• เสียบสายชาร์จ USB-C ชาร์จกับช่องเสียบ USB คอมพิวเตอร์ หรือหัวชาร์จ 5V/1A
• กำลังชาร์จ = ไฟกระพริบสีเขียว
• ชาร์จเต็มแล้ว = ไฟสีเขียวค้าง

ไฟสถานะต่างๆ

• ไฟกระพริบสีนํ้าเงิน : หูฟังอยู่ในโหมดจับคู่
• ไฟสีนํ้าเงินค้าง : หูฟัง
• ไฟสีเขียว (ตอนเปิดหูฟัง) : หูฟังเหลือแบตเตอรี่มากกว่า 50%
• ไฟส้ม (ตอนเปิดหูฟัง) : หูฟังเหลือแบตเตอรี่ตํ่ากว่า 50%
• ไฟสีแดงกระพริบ (ตอนเปิดหูฟัง) : หูฟังเหลือแบตเตอรี่ตํ่า โปรดชาร์จแบตเตอรี่

Product Included (อุปกรณ์ภายในกล่อง)

• หูฟัง Razer Opus X จำนวน 1 ตัว
• สายชาร์จ USB-C จำนวน 1 เส้น
• คู่มือการใช้งาน

เงื่อนไขการรับประกันสินค้า :

• รับประกัน 2 ปี ภายใต้เงื่อนไขที่ทาง Synnex กำหนด หากคุณลูกค้าพบปัญหาการใช้งานสามารถเคลมสินค้ากับศูยน์ Synnex โดยตรงได้เลยครับ (สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Synnex Care โทร. 1251)

บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ไม่รับเปลี่ยนหรือคืนสินค้าที่มีสภาพผิดปกติ ดังต่อไปนี้

• มีสภาพผิดปกติ ได้แก่ ไหม้, แตก, หัก, บิ่น, งอ, ยุบ, เบี้ยว, ร้าว, ทะลุ หรือ มีรอยขูดถลอก เป็นต้น
• มีสภาพที่เกิดจากการเก็บรักษาที่ไม่ถูกต้อง เช่น รอยคราบสนิม, คราบอ๊อกไซด์, คราบน้ำ เป็นต้น
• สินค้าเสียหายเนื่องจากปัจจัยภายนอก เช่น ไฟตก, ไฟเกิน, ฟ้าผ่า เป็นต้น
• สติ๊กเกอร์รับประกันของ Synnex มีรอยฉีก, ขาด ,หลุด, หาย, ลบ, แก้ไข หรือถูกปิดทับจนไม่สามารถมองเห็นสาระสำคัญบนตัวสติ๊กเกอร์
• การใช้สินค้าผิดวิธี มีการแก้ไขก่อนได้รับอนุญาต เกิดอุบัติเหตุกับตัวสินค้า มีร่องรอยการเปิดแกะ หรือร่องรอยการซ่อม
• ทางบริษัทฯ ไม่ให้การรับประกันสินค้าที่มีรอยปากกาใดๆ เขียนลงบนตัวสินค้า และไม่สามารถลบออกโดยไม่ส่งผลต่อสาระสำคัญบนตัวสติ๊กเกอร์ หรือสินค้า
• ความเสียหายหรือการสูญเสีย โดยมีสาเหตุจากหีบห่อที่ใช้บรรจุไม่แข็งแรงมั่นคงเพียงพอ หรือไม่เหมาะสมกับสินค้า
• ไม่มีหมายเลขประจำตัวสินค้า (Serial Number) สำหรับสินค้าที่ปกติต้องมี หรือมีการติดสติ๊กเกอร์เลียนแบบสติ๊กเกอร์รับประกันซินเน็ค