425°AUDIO สรุปชัดๆ :

สำหรับใครที่มองหาหูฟังบลูทูธไร้สายทรงครอบหู Full-size ไดร์เวอร์ Planar Magnetic ที่ให้คุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยม เทียบชั้นกับหูฟังระดับราคาสองถึงสามหมื่นได้ และเน้นใช้คุยโทรศัพท์ในชีวิตประจำวัน ดูหนัง เล่นเกม และอยากได้หูฟังที่เชื่อมต่อพร้อมกันได้สูงสุด 2 อุปกรณ์ด้วย ณ ตอนนี้ Edifier Stax Spirit S3 เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ที่สุดในย่านราคานี้ครับ

ดีไซน์ : สัมผัสพรีเมี่ยม วัสดุเด่น "คาร์บอน ไฟเบอร์"

• แค่มองด้วยตา ก็รู้สึกได้ทันทีว่า Edifier STAX Spirit S3 มีการออกแบบและงานประกอบที่ดีเยี่ยม สวยงามตั้งแต่ส่วนที่คาดหัว (headband) ไล่ลงมายังส่วนของ earcup เลยครับ
• วัสดุก้านเป็นพลาสติกเกรดชั้นเยี่ยม ขัดผิวออกมาเนียนๆสัมผัสดี ส่วนด้านบนของก้านหูฟัง headband จะมีที่ซับหัวนุ่มๆ วัสดุเป็นหนังครับ
• ส่วนด้านนอกของ earcup จะครอบส่วนกลางด้วยวัสดุ carbon fiber ที่มีคุณสมบัติทนทานแข็งแรง ในขณะที่ยังให้นํ้าหนักเบาครับ
• ที่ earcup ด้านขวา จะมีปุ่มมัลติฟังชัน MFB สำหรับควบคุมเพลงและรับสายโทรศัพท์ มีปุ่ม + และ - สำหรับควบคุมระดับเสียงครับ
• ที่ earcup ด้านซ้าย จะมีช่องเสียบแจ๊ค 3.5 มม. (สำหรับใช้งานหูฟังแบบเสียบสาย) และมีช่องเสียบสายชาร์จ USB-C ครับ
• ที่ด้านใน earcup จะเป็นโฟมสำหรับซับหู ตอนแกะกล่องใหม่ๆเค้าจะใส่โฟมซับหูฟังวัสดุหนังมาให้ แต่ถ้าใครใส่แล้วรู้สึกร้อน ก็สามารถเปลี่ยนโฟมซับหูฟังเป็นวัสดุผ้าได้ (มีแถมมาให้ในกล่อง) ซึ่งเปลี่ยนแล้วจะรู้สึกเย็นสบายหูขึ้นขณะสวมใส่ครับ
• ตัวหูฟังสามารถ "พับเก็บ" เป็นอันเล็กๆได้ และมีกระเป๋า Hardcase สำหรับจัดเก็บหูฟัง ซึ่งมันทำให้การพกพาหูฟังประเภท Over-ear ง่ายขึ้นเยอะเลยครับ

การสวมใส่ : ความเบา ความนุ่ม ทำให้ใส่นานๆก็สบาย"

• หูฟังที่ใช้ไดร์เวอร์แบบ Planar Magnetic ส่วนใหญ่จะมีนํ้าหนักค่อนข้างมาก เพราะไดร์เวอร์ประเภทนี้มีโครงสร้างภายในที่มีฮาร์ดแวร์มากมายหลายชิ้นและมีโครงสร้างที่ซับซ้อนมาก แต่ Edifier STAX Spirit S3 กลับเป็นหูฟังบลูทูธไดร์เวอร์ Planar Magnetic ที่เบาที่สุดเท่าที่ทีมงาน 425Audio เคยเจอ นํ้าหนักมันเพียง 330 กรัมเท่านั้น เบาจนตกใจว่า นี่หูฟังไดร์เวอร์ Planar จริงๆหรอนี่..
• ถึงแม้จะไม่มีโหมดตัดเสียงรอบข้าง Active Noise Cancelling แต่สำหรับทีมงานแล้ว Edifier STAX Spirit S3 ออกแบบ isolation มาได้ดี ซีลกันเสียงรอบๆตัวได้ในระดับที่น่าพอใจครับ
• ทีมงานใส่ฟังเพลง (โอ้ยย เสียงดีฟินมาก) เพลินๆขณะทำงานไปเกือบจะประมาณ 3 ชม. ได้ ทีมงานไม่รู้สึกปวดหัวเลย ต้องบอกเลยว่าสวมใส่สบายมากๆจริงๆ
• พอทีมงานเอาออกไปใส่ฟังเพลงขณะเดินทางกลับบ้าน ด้วยอากาศเมืองไทยจะค่อนข้างร้อนสักหน่อย ทำให้รู้สึกร้อนเล็กน้อยขณะใส่ Edifier STAX Spirit S3 แต่ดีมากๆที่ Edifier Stax Spirit S3 แถมโฟมหูฟังมาให้ถอดเปลี่ยนได้ 2 แบบ ซึ่งมีทั้งแบบหนังและแบบผ้า ทีมงานลองเปลี่ยนโฟมเป็นวัสดุผ้านุ่มๆพบว่าสบายกว่าแบบหนังเยอะเลย ทั้งเย็น ทั้งนุ่มสบายกว่าเดิมมากๆครับ
• ต้องบอกเลยว่า Edifier STAX Spirit S3 เป็นหูฟังทรง Full-size ที่สวมใส่สบายมากๆ ด้วยนํ้าหนักที่เบา และมีโฟมที่แถมมาให้ถอดเปลี่ยนตามใจชอบได้ ซึ่งครอบคลุมกับจริตผู้ใช้งานที่หลากหลายมากๆครับ

การเชื่อมต่อ : สัญญาณดีเยี่ยม ต่อ 2 อุปกรณ์พร้อมกันได้ !

• Edifier STAX Spirit S3 เชื่อมต่อด้วย Bluetooth 5.2 และเท่าที่ทีมงานทดลองใช้งานจริงมาหลายวัน ทีมงานยังไม่พบปัญหาสัญญาณกระตุกเลย การเชื่อมต่อดีเยี่ยมมากๆครับ
• และที่ว้าวคือ Edifier STAX Spirit S3 มีระบบเชื่อมต่อพร้อมกันได้ 2 อุปกรณ์ ตอบโจทย์มนุษย์ออฟฟิศมากๆ สามารถต่อหูฟังกับโทรศัพท์และ laptop พร้อมๆกัน สลับการใช้งาน กดรับสายที่หูฟังได้ 2 อุปกรณ์โดยที่ไม่ต้อง disconnect หูฟังแล้วไปต่อใหม่ สะดวกสบายกับคนที่ใช้ทั้งคอมและโทรศัพท์มากๆครับ
• อีกทั้ง Edifier STAX Spirit S3 ยังรองรับ codec เทพๆของชาว Android ด้วยนั่นก็คือ aptX, aptX HD และ aptX Adaptive รวมไปถึงยังรองรับเทคโนโลยีเสียงใหม่ล่าสุด Qualcomm Snapdragon Sound ที่จะช่วยให้ค่าดีเลย์ที่ตํ่ามากๆ เสริมเสียงคุยสายได้คมชัดกว่าหูฟังทั่วไปอีกด้วยครับ
• นอกจากนี้แล้ว Edifier STAX Spirit S3 ยังรองรับแอปพลิเคชัน Edifier Connect (iOS & Android) เพื่อใช้ตั้งค่าหูฟัง เช็คแบตเตอรี่ เปลี่ยนการขับเสียงตามชนิดโฟมซับหูฟังที่ใช้ เปลี่ยนโทนเสียง EQ Presets และอื่นๆที่มีลูกเล่นและ option ให้เล่นเยอะมากๆครับ
• ทั้งเรื่องสัญญาณการเชื่อมต่อที่ไม่กระตุก ต่อหูฟัง 2 อุปกรณ์พร้อมกันได้ และรองรับ codec ตระกูล Qualcomm aptX และ Snapdragon Sound ทำให้ Edifier STAX Spirit S3 เป็นหูฟังบลูทูธที่มีการเชื่อมต่อครบเครื่องมากๆตัวนึงในตลาด ณ ตอนนี้เลยครับ

การคุยโทรศัพท์ : คมชัดดี ใช้คุยในชีวิตประจำวันได้

• หากใช้คุยในที่เงียบๆ มันให้เสียงที่คมชัดมากๆครับ ปลายสายที่ทีมงานโทรไปแทบไม่รู้เลยว่าทีมงานใช้หูฟังคุย
• แต่ตอนใช้คุยโทรศัพท์ข้างนอกที่ต้องเจอเสียงรบกวนจากรถยนต์ เสียงผู้คนดังๆริมถนน ปลายสายจะยังได้ยินเสียงรบกวนรอบๆตัวทีมงานอยู่ ความชัดของเสียงพูดจะเริ่มดรอปลงเล็กน้อย แต่ปลายสายยังบอกว่าฟังรู้เรื่องครับ
• ทีมงานเดาว่าทาง Edifier ไม่ได้โฟกัสเรื่องไมค์คุยโทรศัพท์ของ Edifier STAX Spirit S3 มากนัก แต่ก็ทำไมค์ของมันออกมาให้ใช้คุยโทรศัพท์ในชีวิตประจำวันได้ ถ้าผู้ใช้งานเป็นคนนั่งทำงานในออฟฟิศที่ไม่มีเสียงรบกวนมากเป็นประจำ หรือต้องประชุมออนไลน์บ่อยๆ Edifier STAX Spirit S3 ก็ให้คุณภาพเสียงไมค์คุยโทรศัพท์ที่ดีพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันครับ

คลิปตัวอย่างเสียงไมค์ของ Edifier STAX Spirit S3

การดูหนัง : เพลินๆไปกับซาวด์เอฟเฟคสุดละเอียด ไร้ความหน่วง

• ดูหนังไม่ว่าจะบน Disney+, Netflix, Live TV หรือบน platforms ยอดนิยมทั่วไปEdifier STAX Spirit S3 ดูหนังไม่ดีเลย์เลยครับ ซาวด์เอฟเฟคและเสียงพูดตัวละครซิงค์ตรงกับภาพอย่างชัดเจน
• และมันให้ซาวด์เอฟเฟคที่กระหึ่มกำลังดี มิติเสียงกว้างโปร่ง ทำให้ใช้ดูหนังได้อย่างเพลิดเพลินมากๆครับ

การเล่นเกม : มี Game Mode ใช้เล่นเกมดีเลย์ตํ่ามาก

• นอกจากนี้แล้ว Edifier STAX Spirit S3 ยังมีระบบ Game Mode (เปิดใช้งานได้ในแอปพลิเคชัน Edifier Connect) ให้เปิดใช้ลดดีเลย์ขณะเล่นเกมอีกด้วยครับ
• ที่ทีมงานทดสอบใช้ Edifier STAX Spirit S3 เปิด Game Mode เล่น PUBG กับโทรศัพท์ iOS พบว่าดีเลย์ตํ่ามากจนแทบจะไม่รู้สึกดีเลย์ ใช้เล่นเกมได้สบายๆครับ
• เช่นเดียวกับอุปกรณ์ Android ที่ถึงแม้ตอนเปิด Game Mode จะรู้สึกดีเลย์มากกว่า iOS แต่ตอนใช้เล่นจริงก็แทบจะไม่รู้สึกดีเลย์เหมือนกัน ชาว Android ใช้ Edifier STAX Spirit S3 เล่นได้สบายๆครับ

**ค่าความหน่วงดีเลย์อาจแตกต่างขึ้นอยู่กับอุปกรณ์**

คลิปตัวอย่างการทดสอบดีเลย์ตอนเล่นเกมของ Edifier STAX Spirit S3

คุณภาพเสียง : อิ่มหวานฉ่ำ เก็บทุกรายละเอียด เปิดเพลงแนวอะไรก็ฟังเพราะ !

• ทีมงานอึ้งและทึ่งกับคุณภาพเสียงของ Edifier STAX Spirit S3 กันมากๆครับ โดยเฉพาะเสียงย่านเบสที่ให้เนื้อที่สวย มวลเบสอิ่มแน่น และลงได้ลึกอย่างชัดเจนและดูเป็นเอกลักษณ์ และมีแรงปะทะหนักตามธรรมชาติของเพลงจากกรรมวิธีที่ใช้อัดเสียง ไม่เวอร์วัง ไม่ประดิษฐ์ประดอย มีแต่เสียงเบสที่ตรงไปตรงมาและให้อารมณ์ที่ฟังสนุกด้วยในคราวเดียวกัน
• ในขณะที่เสียงร้องยืนหน้าเสียงดนตรีรอบๆมา 1 ก้าว และให้เสียงร้องที่อวบกลม ใสและฟังอิ่มแน่น ชัดถ้อยชัดคำ ตั้งแต่หัวเสียงร้องไล่ไปยังสุดปลายเสียง อิมเมจเสียงฟังดูกว้างใหญ่ และฟังดูไม่กวนกับเสียงดนตรีรอบๆ ใครเน้นฟังเสียงร้องน่าจะหลงรักนํ้าเสียงที่วิ่งออกมาจาก Edifier STAX Spirit S3 ครับ
• เสียงดนตรีที่บรรเลงอยู่รอบๆหลังเสียงนักร้อง ยังให้มวลเสียงที่อิ่มมีมิติฟังดูเป็นเครื่องดนตรีจริงๆ รายละเอียดอัดแน่น เสพรายละเอียดเสียงดนตรีทีละชิ้นได้ง่ายอย่างไม่ต้องเพ่งโฟกัสฟังให้ยากเย็น ในย่านเสียงนักร้องหรือย่านเสียงกลางของหูฟังตัวนี้ อิ่มเต็มมวลในระดับที่พอดิบพอดีมากๆครับ
• เสียงแหลมจะจะไม่ได้พุ่งจนฟังดูเกินจริงมาก แต่เป็นเสียงแหลมที่ออกธรรมชาติตามเพลงแบบเจือสีสันให้ฟังดูมีความฉ่ำ เสียงฉาบแฉของเสียงกลองมีความใสกำลังดี ไร้สากเสี้ยนกวนหู และเก็บรายละเอียดเสียงเล็กๆน้อยๆได้คมชัดทุกเม็ดยันเสียง ambient จากสถานที่อัดของเพลงเลยครับ
• เวทีเสียงแนวยาวจะมีขนาดกลางเกือบใหญ่ และมีเวทีเสียงตอนลึกที่ใหญ่ฟังดูมีมิติมากๆ แยกแยะชิ้นดนตรีออกมาได้ชัด ฟังเป็นชิ้นตัวๆ มีระยะช่องไฟที่กำลังดี ฟังกำลังกลมกล่อม ซึ่งเวทีเสียงและมิติเสียงของ Edifier STAX Spirit S3 ทำออกมาได้ดีมากครับ
• ต้องบอกอย่างหนักแน่นเลยว่า Edifier STAX Spirit S3 ให้คุณภาพเสียงได้ยอดเยี่ยม คมทุกรายละเอียด ฟังสนุกทุกแนวเพลง ซึ่งนี่คือ "จุดชูโรง" ที่ทำให้ Edifier STAX Spirit S3 โดดเด่นมากๆครับ

**รีวิวเสียงจากโทนเสียงแบบ Classic**

แบตเตอรี่ : ใช้งานได้ยาวๆเกือบ 80 ชม.

• Edifier ให้ข้อมูลมาว่า Edifier STAX Spirit S3 สามารถฟังเพลงได้นานสูงสุด 80 ชม. อ่านไม่ผิดครับ 80 ชั่วโมง.. แบตฯเยอะแท้
• ต้องยอมรับว่าทีมงาน 425Audio ใช้งานได้ไม่หมดจริงๆ ชาร์จหูฟังเต็มไปครั้งนึงแล้วใช้ทดสอบอยู่หลายวัน แล้วก็ไม่ได้ชาร์จแบตฯอีกเลย ซึ่งก็น่าจะตอบโจทย์คนชอบใส่หูฟังนานตลอดวันแล้วไม่อยากชาร์จแบตเตอรี่บ่อยๆ เพราะเค้าให้แบตมาเยอะมากครับ

สรุป :

"ถ้าท่านมองหาหูฟังที่ให้คุณภาพเสียงได้สุดทะลุกราฟ
ตัวนี้เหมาะกับท่าน.."

• ถึงแม้ Edifier STAX Spirit S3 จะไม่ได้มาพร้อมกับฟีเจอร์หวือหวาๆอย่างโหมด Active Noise Cancelling, โหมดดูดเสียง Ambient Sound , ไม่มี IPXX Rating อย่างหูฟังบลูทูธทั่วไปตามท้องตลาด..
• แต่ Edifier STAX Spirit S3 กลับให้คุณถาพเสียงที่ทีมงาน 425Audio มองว่า "ดีสุดทะลุกราฟ" และการันตีเลยว่าคุณภาพเสียงสู้พวกหูฟัง Full-Size ระดับ Super Hi-end ที่มีราคาแถวๆสองหมื่นขึ้นไปบางรุ่นได้สบายๆ
• ตอบโจทย์ผู้ที่หาหูฟังบลูทูธทรง Full-Size ที่เน้นฟังเพลงดีๆแบบสุดทะลุกราฟ ทีมงาน 425Audio รับรองว่านักฟังเพลงไม่ว่าจะรุ่นใหม่รุ่นเก๋า จะต้องหลงรักกับคุณภาพเสียงของ Edifier STAX Spirit S3 ตัวนี้ แน่นอนครับ..

สามารถฟังเสียงตัวอย่างของ Edifier STAX Spirit S3 ได้ที่นี่

**โปรดใส่หูฟังในการรับชมและฟังเสียงครับ**

โทนเสียงแบบ Classic

• เสียงเบส : เสียงเบสจะออกแนวอิ่ม เนื้อเนียน เข้มข้น หัวโน๊ตชัดและเก็บตัวได้ในความเร็วที่แม่นยำ มีแรงปะทะหนักปานกลาง และถ่ายทอด dynamic range ความหนัก-เบาของเสียงกีต้าร์เบส เสียงเครื่องเคาะ ออกมาได้สมจริงมีมิติ ฟังเพลงช้าก็นุ่มกำลังดี ฟังเพลงหนักๆก็ฟังดูมีพลังตามเพลงครับ
• เสียงร้อง : มวลเสียงร้องมีขนาดใหญ่ อยู่ใกล้ตัวผู้ฟัง อยู่หน้าเสียงดนตรีรอบๆ 1 ก้าว ถ่ายทอดนํ้าหนักของเสียงร้องแต่ละคำออกมาได้ดีมีมิติมาก เสียงเน้นหนักออกหนัก เสียงแผ่วก็ฟังแผ่ว และไล่ระดับความดังจากเสียงค่อยๆไปยังเสียงที่เน้นหนักได้สมจริง ในขณะที่เสียงดนตรีรอบๆยังให้รายละเอียดที่กระจ่างชัด ไม่มีม่านหมอกมาบดบังครับ
• เสียงแหลม : เสียงแหลมจะออกแนวเรียบร้อย โทนสว่างอย่างพอดี เนื้อเสียงจะออกแนวนวลๆเนียนๆ หัวเสียงแหลมคมแบบไม่บาด รายละเอียดเสียงเล็กเสียงน้อยออกชัด ระยิบระยับ และให้ความรู้สึกมีสีสันในแบบที่ไม่เกินจริง แต่ยังให้เสียงแหลมได้เต็มย่านอย่างไม่รู้สึกขาดครับ
• เวทีเสียง & มิติ : เวทีเสียงจะมีขนาดกว้างปานกลางที่ให้ความรู้สึกฟังสบาย และมีมิติตอนลึกที่ใหญ่ สามารถรู้สึกถึงความลึก-ตื้นของตำแหน่งเสียงดนตรีได้อย่างชัดเจนแบบไม่ต้องเพ่งฟัง จำแนกเสียงต่างๆได้ขาดออกจากกัน จับโฟกัสเสียงได้เป็นตัวๆ และมีระยะช่องไฟระหว่างเสียงดนตรีที่ไม่ห่างจนเกินจริง ยังฟังดูเป็นวงดนตรีและดูเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันครับ

แนวเพลงที่ตอบโจทย์

• ส่วนตัวทีมงานมองว่า Edifier STAX Spirit S3 เป็นหูฟังที่ให้โทนเสียงฟังเพราะเกือบจะทุกแนวเพลง เพราะมี EQ Presets ที่ทาง Edifier จูนมาให้เลือกใช้อย่างดี ปรับโทนเสียงตามแนวเพลงที่เน้นฟังได้
• โทนเสียงแบบ Classic ตอบโจทย์เพลง mainstream เช่น Pop, R&B, Rock, Soul หรือเพลงแนวที่เรานิยมฟังทั่วๆไป เพลงที่มีจังหวะที่สนุก ซาวด์สมัยใหม่ เน้นเบส เน้นมิติ เน้นอารมณ์ที่ฟังสนุก
• โทนเสียงแบบ Hifi เหมาะกับฟังเพลง Jazz เน้นเสียงร้องอวบนวล เน้นฟังเสียงร้องเป็นหลัก ฟังเสียงเครื่องดนตรีเป็นรอง
• โทนเสียงแบบ STAX เหมาะกับฟังเพลง Classic หรือเพลง Orchestra ที่มีเครื่องดนตรีหลายๆชิ้น เพื่อเน้นฟังรายละเอียดเสียงดนตรี เน้นเสียง ambient ของห้องอัดชัดๆ เน้นความสมจริงในการฟัง

คำแนะนำเพิ่มเติมก่อนเริ่มใช้งาน

• ชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มก่อนใช้งานครั้งแรก
• โหลดแอปพลิเคชัน Edifier Connect มาติดตั้งเพื่อให้ใช้งานหูฟังได้เต็มประสิทธิภาพ
• หากใช้งานเสร็จแล้ว ควรพับเก็บหูฟังลงกระเป๋า Hardcase หูฟัง เพื่อปกป้องรายขีดข่วน
• การเชื่อมต่อใช้งานแบบเสียบสาย 3.5 มม. จำเป็นต้องกดเปิดหูฟังก่อนจึงจะใช้งานได้ (หูฟังไม่มีระบบการทำงานแบบไม่ใช้แบตเตอรี่ passive mode)

การเปิด-ปิดหูฟัง

1. เปิด (Power on) : ขณะหูฟังปิดอยู่ กดปุ่ม MFB ค้าง 3 วินาที (ไฟสีนํ้าเงิน)
2. ปิด (Power off) : ขณะหูฟังเปิดอยู่ กดปุ่ม MFB ค้าง 3 วินาที (ไฟสีแดง)

การเปลี่ยน Earpad

1. ใช้ปิ๊กแงะ earpad ที่แถมมากับกล่อง ค่อยๆแงะร่องระหว่างที่ซับหูกับ earcup ไปรอบๆจนหลุดออกมา
2. หยิบชนิด earpad ที่ต้องการเปลี่ยนขึ้นมา ทาบ earpad ให้ตรงข้อต่อ แล้วค่อยๆกดที่ซับหูไปรอบๆข้อต่อจนแนบสนิท
   

ข้อควรระวัง : ห้ามใช้มือดึง earpad เด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้ earpad ฉีกขาดได้

การเชื่อมต่อบลูทูธ (Bluetooth Pairing)

1. ขณะหูฟังปิดอยู่ กดปุ่ม MFB ค้างไว้จนไฟกระพริบสีนํ้าเงิน-แดง
2. เปิด Bluetooth ที่อุปกรณ์ ค้นหาชื่อ Edifier STAX Spirit S3 แล้วแตะเชื่อมต่อ
3. เมื่อเลิกใช้งานแล้ว ให้กดปุ่ม MFB ค้าง 3 วินาทีเพื่อปิดการใช้งานหูฟัง
4. ในการใช้งานครั้งต่อไป หูฟังจะเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ล่าสุดอัตโนมัติทันทีที่เปิดใช้งานหูฟัง

เพิ่มเติม : หากหูฟังอยู่ในโหมดจับคู่ (pairing) แล้วยังไม่ถูกจับคู่กับอุปกรณ์ใดๆเป็นเวลา 5 นาที หูฟังจะปิดการใช้งานเองอัตโนมัติ

การเชื่อมต่อ 2 อุปกรณ์พร้อมกัน (Multi-Connectivity)

1. กดปุ่ม MFB ค้างจนไฟกระพริบนํ้าเงิน-แดงเพื่อเข้าโหมดจับคู่
2. เปิด Bluetooth ที่อุปกรณ์ 1 แตะเชื่อมต่อ Edifier Stax Spirit S3
3. หลังจากเชื่อมต่อหูฟังกับอุปกรณ์ที่ 1 แล้ว ให้ตัดการเชื่อมต่อ (disconnected) กับอุปกรณ์ที่ 1
4. เมื่อตัดการเชื่อมต่อแล้ว หูฟังจะเข้าโหมดจับคู่ (ไฟสถานะกระพริบสีนํ้าเงิน-แดง)
5. เปิด Bluetooth ที่อุปกรณ์ที่ 2 แตะเชื่อมต่อ Edifier Stax Spirit S3
6. เปิด Bluetooth ที่อุปกรณ์ที่ 1 แตะเชื่อมต่อ Edifier STax Spirit S3
7. เมื่อทั้งอุปกรณ์ที่ 1 และอุปกรณ์ที่ 2 ขึ้นขึ้นสถานะเชื่อมต่อสำเร็จแล้ว (connected) เป็นอันเสร็จสิ้น
8. ในการใช้งานครั้งต่อไป หูฟังจะเชื่อมต่อ 2 อุปกรณ์ล่าสุดโดยอัตโนมัติ ทันทีที่เปิดใช้งานหูฟัง

การซิงค์หูฟังกับแอปพลิเคชัน Edifier Connect

1. เชื่อมต่อ Bluetooth หูฟังกับอุปกรณ์
2. โหลดแอปพลิเคชัน Edifier Connect บน App Store (iOS) หรือ Google Play Store (Android) มาติดตั้งบนเครื่อง
3. ขณะหูฟังเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อยู่ ให้แตะเข้าแอปพลิเคชัน Edifier Connect
4. ที่หน้าแอปฯ รอสักครู่ แอปจะซิงค์กับหูฟังแล้วพาไปหน้า home ของหูฟังอัตโนมัติ

เพิ่มเติม : ควรกด อนุญาติ (allow) ทุกการเข้าถึง Bluetooth, Location service เพื่อให้แอปสามารถใช้กับหูฟังได้

การใช้งานแบบเสียบสาย AUX 3.5 mm.

1. เสียบสาย 3.5 มม. เข้าที่ earcup ข้างขวา แจ๊คอีกด้าน เชื่อมต่อกับโทรศัพท์ หรือเครื่องเล่นเพลงที่รองรับ
2. กดปุ่ม MFB ค้าง 3 วินาทีเพื่อเปิดใช้งานหูฟัง
3. รอสักครู่ ไฟสถานะหูฟังจะขึ้นไฟสีเขียวค้าง บ่งบ่อกว่าหูฟังอยู่ในโหมดการใช้งานแบบเสียบสายแล้ว

เพิ่มเติม : การใช้งานหูฟังแบบเสียบสาย จำเป็นต้องเปิดใช้งานหูฟังทุกครั้ง หากหูฟังปิดอยู่ จะไม่สามารถใช้งานได้

การควบคุมฟังชัน

เพิ่มเติม : ปุ่มฟังชัน สามารถปรับแต่งได้ในแอปพลิเคชัน Edifier Connect

การชาร์จแบตเตอรี่หูฟัง

• เสียบสายชาร์จ USB-C เข้ากับหูฟัง
• อีกด้านหนึงของสายชาร์จ ให้เสียบชาร์จกับโน๊ตบุ๊ค, คอมพิวเตอร์ หรือผ่านหัวชาร์จ
• ขณะชาร์จ = ไฟขึ้นสีแดงค้าง
• ชาร์จเต็มแล้ว = ไฟดับ

ข้อควรระวัง : ห้ามใช้หัวชาร์จค่าไฟเกิน 5V/1.5A เพราะอาจทำให้แบตเตอรี่ภายในหูฟังเสียหายได้

ไฟสถานะต่างๆ

• ไฟสีนํ้าเงินติดขึ้น 1 วินาที : หูฟังได้เปิดการใช้งานแล้ว
• ไฟสีแดงติดขึ้น 1 วินาที : หูฟังได้ปิดการใช้งานแล้ว
• ไฟสีนํ้าเงิน-แดงกระพริบต่อเนื่อง : หูฟังอยู่ในโหมดจับคู่ Bluetooth
• ไฟสีนํ้าเงินกระพริบ 2 ครั้งทุกๆ 5 วินาที : หูฟังเชื่อมต่อแล้ว และอยู่ในโหมดพร้อมใช้งาน

การรีเซ็ตหูฟัง (Factory Reset)

1. กด "ลบความจำอุปกรณ์" หรือ forget device ชื่อหูฟัง Edifier Stax Spirit S3 ออกจากอุปกรณ์
2. ขณะที่หูฟังอยู่ในโหมดจับคู่ (ไฟสีนํ้าเงิน-แดงกระพริบ) กดปุ่มเพิ่มเสียง + และลดเสียง - พร้อมกันค้าง 5 วินาที
3. เมื่อไฟสถานะหูฟังกระพริบ 6 ครั้งแล้ว เป็นอันเสร็จสิ้นการ reset หูฟัง