425° Store สาขาที่ 4 พร้อมเปิดให้บริการแล้วที่ Emsphere ศูนย์การค้าแห่งใหม่ใจกลางสุขุมวิท ย่านแห่งการค้าและการท่องเที่ยว ซึ่งในรอบนี้เป็นการเปิดหน้าร้านพร้อมกับการเปิดตัวห้างใหม่ที่ทุกคนตั้งตารอ
ซึ่งการออกแบบ 425° Store สาขาใหม่นี้ ก็มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ที่ล้อไปกับศูนย์การค้าแห่งใหม่จึงมีการต่อยอดไอเดีย และประสบการณ์เพิ่มขึ้นจากสาขาอื่นๆ แต่ก็ยังคงมี Identity ของ 425° ที่มีการนำสินค้าตัวจริงมาตั้งโชว์ให้ลูกค้าได้สัมผัสของจริง และมีของให้เลือกเยอะแบบไม่มีกั๊กเช่นเคย
ทั้งยังจัดเต็มสินค้ามาครบทุกหมวด ไม่ว่าจะเป็น เคส iPhone / เคส Samsung / เคส iPad / เคส AirPods / หูฟัง / Film หน้าจอ / กระเป๋า และสินค้าอื่นๆ อีกเพียบ
สำหรับ 425° Store at Emsphere เป็นการขยายร้านที่ต้องการนำเสนอความเป็น 425° ให้ทุกคนได้รู้จักเพิ่มมากขึ้น และให้คนที่รักและสนใจ Gadget สามารถเข้ามาสอบถาม-พูดคุยเกี่ยวกับสินค้า ได้เข้ามาสนุกกับการลองสัมผัส ลองเล่นก่อนตัดสินใจซื้อ รวมถึงการ Service และบริการหลังการขายที่ดีที่สุดอย่างเป็นกันเอง
Store ใหม่แห่งนี้ ถูกออกแบบมาในสไตล์โกดังสินค้าหรือที่เรียกว่า “Warehouse” เป็นคอนเซ็ปต์เดิมที่ถูกตีโจทย์มาจากพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้า ที่ต้องการเข้ามาแล้วได้เจอกับสินค้าและของต่างๆ ที่ดูเยอะและหลากหลาย สามารถที่จะหยิบจับลองได้เองโดยที่ไม่ต้องเรียกพนักงานหน้าร้าน
เมื่อคอนเซ็ปต์คือ “Warehouse” ดีไซน์โดยรวมของ Store จึงมีสไตล์คล้าย Loft ผสมกับโครงสร้างของโกดัง มีการเปิดโล่งของเพดานด้านบน โดยเห็นโครงสร้างของอาคาร จึงดูเป็นโกดังที่สมจริงแต่ยังคงมีความอบอุ่นด้วยโทนสี และการตกแต่งภายใน
และการตกแต่ง บริเวณแคชเชียร์ ผนังแขวน และชั้นวางต่างๆ ที่นำ Pegboard มาเป็นแรงบันดาลใจ และเสาเหล็กของชั้นวางสินค้าภายใน Warehouse รวมถึงชั้นวางเคส iPhone, Samsung, AirPods, Apple Watch และ Film ก็มีดีไซน์มาจากแผงขายสินค้าที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการวางได้ทุกเมื่อที่ต้องการ
Store ใหม่แห่งนี้ ถูกออกแบบมาในสไตล์โกดังสินค้าหรือที่เรียกว่า “Warehouse” เป็นคอนเซ็ปต์เดิมที่ถูกตีโจทย์มาจากพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้า ที่ต้องการเข้ามาแล้วได้เจอกับสินค้าและของต่างๆ ที่ดูเยอะและหลากหลาย สามารถที่จะหยิบจับลองได้เองโดยที่ไม่ต้องเรียกพนักงานหน้าร้าน
เมื่อคอนเซ็ปต์คือ “Warehouse” ดีไซน์โดยรวมของ Store จึงมีสไตล์คล้าย Loft ผสมกับโครงสร้างของโกดัง มีการเปิดโล่งของเพดานด้านบน โดยเห็นโครงสร้างของอาคาร จึงดูเป็นโกดังที่สมจริงแต่ยังคงมีความอบอุ่นด้วยโทนสี และการตกแต่งภายใน
และการตกแต่ง บริเวณแคชเชียร์ ผนังแขวน และชั้นวางต่างๆ ที่นำ Pegboard มาเป็นแรงบันดาลใจ และเสาเหล็กของชั้นวางสินค้าภายใน Warehouse รวมถึงชั้นวางเคส iPhone, Samsung, AirPods, Apple Watch และ Film ก็มีดีไซน์มาจากแผงขายสินค้าที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการวางได้ทุกเมื่อที่ต้องการ
รู้ถึงคอนเซ็ปต์แล้ว สเต็ปต่อมาจะเป็นการพาทัวร์ และดูดีเทลของแต่ละโซน เริ่มจากโซนแรกที่เมื่อเดินเข้ามาในร้านก็จะพบกับ Case Ring เป็นสิ่งที่ดึงดูดสายตามากที่สุด โดยมีการเรียงเคสกว่า 580 ชิ้นไว้อย่างเป็นระเบียบ โดยออกแบบให้มีรูปทรงวงรีคล้ายแคปซูล พร้อมทางเข้าด้านข้างทั้งซ้ายและขวา ให้สามารถเดินชมได้ทั้งภายนอกและภายใน ถือเป็นไฮไลต์ของร้าน 425° ที่ให้ลูกค้าทุกคนสามารถลองสัมผัสกับเคสตัวจริงได้ทุกรุ่น ทุกแบบ จะหยิบมาดูกี่ชิ้นก็ได้ไม่มีจำกัด
ทั้งยังจัดเต็มเคสแบรนด์ดังไว้มากถึง 21 แบรนด์ อาทิ Case-Mate, Pelican, Burga, iFace, Solide, UAG และอื่นๆ อีกมากมาย พร้อมกับข้อมูลของเคสแต่ละดีไซน์อย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็น ชื่อแบรนด์, ชื่อคอลเลกชัน, แบรนด์จากประเทศอะไร, เทคโนโลยีและความโดดเด่น, Level กันกระแทก ไปจนถึงราคา
นอกจากนี้ยังมี QR Code ให้ลูกค้าเช็กรุ่น Device, สีและดีไซน์อื่นๆ ในคอลเลกชัน ผ่านเว็บไซต์ของสาขา เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว โดยไม่ต้องรอถามพนักงาน
อีกหนึ่งโซนพิเศษที่อยู่ภายใน Case Ring นั่นก็คือโซน DIY ที่เป็นการนำเอา Gadget และ Accessories ต่างๆ มาให้ลูกค้าได้ลองใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น Ring แหวนสำหรับใช้เป็น Grip ถือ Smartphone, อุปกรณ์สำหรับ MagSafe อย่าง Wallet, Powerbank, สายชาร์จ หรือจะเป็นสายคล้องต่างๆ ที่สามารถลองแต่งได้ตามใจ
สำหรับสาวก Samsung ก็มีการจัดพื้นที่เอาไว้ให้เช่นกัน บริเวณด้านข้างของ Case Ring ที่เป็นโซนเคสสำหรับ Samsung โดยเฉพาะ ซึ่งขนเคสมาให้เลือกชมกันอย่างจุใจ ทั้ง Case-Mate, Pelican, UAG, iFace, Burga และอีกหลากหลายแบรนด์ โดยมีให้เลือกทัั้ง Samsung S23 Series, Z Flip5 และ Z Fold5 โซนนี้บอกเลยว่าชาว Samsung ไม่ควรพลาด
ถัดมาด้านข้างใกล้ๆ กับชั้นเคส Samsung S23 Series จะเจอกับโซน AirPods และ Apple Watch ที่ยกกันมาแบบจัดเต็ม ทั้งเคสสำหรับ AirPods และเคส+สายสำหรับ Apple Watch โดยลูกค้าสามารถหยิบมาลองสัมผัส และลองสวมใส่สินค้าตัวจริงกันก่อนตัดสินใจซื้อ
ที่ขาดไม่ได้สำหรับสาย Gadget อย่างเราก็คือกระเป๋า โดยโซนนี้ได้นำกระเป๋าหลากหลายดีไซน์มาจัดโชว์ ทั้ง Backpack, Tote Bag, Sling Bag และ Briefcase ซึ่งลูกค้าสามารถลองถือ ลองสะพายได้ทุกแบบ ทุกใบ
ถัดจากโซนกระเป๋าจะเป็นโซนสำหรับฟิล์มหน้าจอ ที่เป็นการนำฟิล์มของแต่ละแบรนด์มาแกะกล่องให้ลองสัมผัสวัสดุจริง มีทั้งฟิล์ม iPhone และ Samsung รวมถึงกระจกกันเลนส์กล้อง
หากลูกค้าคนไหนที่ซื้อฟิล์มจากร้าน 425° และต้องการติดตั้งอุปกรณ์ทางร้านก็มีบริการติดให้ฟรีโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม รวมถึงใครที่สั่งซื้อทางออนไลน์และอยากติดตั้ง เพียงนำสินค้า ใบเสร็จและอุปกรณ์มาเข้ารับบริการได้ที่ 425° Store at Emsphere และสาขาอื่นๆ ได้เลย
เดินย้อนกลับมาทางด้านซ้ายมือจากโซนกระเป๋า ก็จะพบกับ Audio Room ห้องแห่งความบันเทิง หรือห้องหูฟัง ลำโพงที่ออกแบบมาเพื่อคนรักเสียงโดยเฉพาะ ตกแต่งด้วยไม้ และใช้สี Warm Tone ทำให้มีบรรยากาศแบบ Homey และ Cozy มากขึ้น รวมถึงมีการใช้วัสดุซับเสียง ที่ได้ดีไซน์คล้ายกับประตูเหล็กม้วนของโกดัง ซึ่งเป็น Gimmick เล็กๆ ที่ล้อไปกับคอนเซ็ปต์ “Warehouse”
โดยภายในห้องมีการนำหูฟังและลำโพงหลากหลายรูปแบบ มาให้ทุกคนลอง Testเสียงกันได้อย่างเพลิดเพลิน ซึ่งโซนนี้คอนเซ็ปต์ก็ยังคงเหมือนกับสาขา centralwOrld ที่มีความเป็นส่วนตัว ทำให้เลือกฟังได้อย่างสบายใจ รวมถึงมีฟังก์ชันที่สามารถสวิตซ์ลำโพงจากเครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่งได้ทันที ทำให้ Test เสียงได้ Smooth ไม่มีสะดุด
เมื่อออกมาจากห้องแห่งความบันเทิง มองตรงมาที่หน้าร้าน จะพบกับโซนพิเศษที่จะมีการ Showcase จัดแสดงเคส และ Accesories จากโปรเจกต์สุด Exclusive มาตั้งโชว์ให้ได้สัมผัสกันแบบใกล้ชิด โดยมุมนี้จะมีการปรับเปลี่ยนไปตามโปรเจกต์ต่างๆ ที่จะออกมาในแต่ละเดือน ซึ่งจะมีแบรนด์ไหน และคอลเลกชันไหนบ้างรอติดตามกันได้เลย
บริเวณหน้าร้านใกล้ทางออก จะเจอกับโซนเคส iPad ที่มีการนำเคสจากหลากหลายแบรนด์ มาวางเรียงสีไว้สวยงามสะดุดตา ซึ่งสามารถหยิบมาลองสัมผัสตัวจริง หรือลองพับตั้งกันได้เลย มีให้ลองใส่กับทุกแบบ เพื่อให้ตรงตามสไตล์ของผู้ใช้แต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นเคสจากแบรนด์ ZUGU, MOFT, STM, Tomtoc, Mutural และแบรนด์อื่นๆ อีกเพียบ
หลังจากเลือกของที่ต้องการมาครบแล้ว ก็สามารถหันมาด้านข้างถัดจากมุมเคส iPad เพื่อชำระเงิน และสอบถามรายละเอียดต่างๆ ได้เลย
ก่อนออกจากโกดังนี้ อยากให้ทุกคนได้มองเข้าไปตรงกระจกโค้งๆ ทรงวงรี ที่คล้ายกับ Case Ring บริเวณด้านข้างโซน iPad ใกล้ๆ กับทางออก จุดนี้จะถูกเนรมิตไว้เป็นกระจกลักษณะแบบ Infinity Mirror เมื่อมองเข้าไปจะเป็นเหมือนการสะท้อนภาพที่ไม่มีที่สิ้นสุด จุดนี้เป็นการเพิ่มลูกเล่นและล้อไปกับธีมของร้าน ทำให้ดูพิเศษมากยิ่งขึ้น
สำหรับใครที่อยากมาสัมผัสประสบการณ์การเลือกเคส Gadget และ Accessories กับร้านที่เหมือนยกโกดังทั้งหมดมาให้เลือกได้แบบไม่อั้น สามารถมาได้ที่ 425° Store at Emsphere ซึ่งตั้งอยู่ที่ชั้น 2 ข้างร้าน AIS โดยเปิดให้บริการทุกวัน เวลา 10.00 - 22.00 น.