เลือกเคส iPad ไปเรียน แบบไหนดี? 425° มีคำตอบ!

เลือกเคส iPad ไปเรียน แบบไหนดี? 425° มีคำตอบ!
22 พฤษภาคม 2023 6122 ผู้เข้าชม
เลือกเคส iPad ไปเรียน แบบไหนดี? 425° มีคำตอบ!

          วันเปิดเทอมใกล้เข้ามาแล้ว น้องๆ นักเรียน นักศึกษา คนไหนเพิ่งเริ่มปรับเปลี่ยนมาใช้ iPad เป็นตัวช่วยในการจดจำเนื้อหาการเรียน แล้วกำลังมองหาเคสดีๆ ที่ตอบโจทย์การใช้งาน แต่ยังไม่รู้ว่าควรเลือกเคสแบบไหน ตามอ่านบทความนี้จบเลือกได้แน่นอน

          ร้าน 425° มีเคสสำหรับ iPad ให้เลือกเยอะมาก เพื่อให้เลือกได้ง่ายขึ้น เลยแบ่งกลุ่มมาให้ตาม Budget ทั้งหมด 3 กลุ่ม ตั้งแต่ กลุ่มราคาสุดคุ้มที่ใครก็เอื้อมถึง กลุ่มฟังก์ชันตอบโจทย์เหมาะสมกับราคา และกลุ่มเคส Premium ลงทุนซื้อครั้งเดียวจบ 


เคส iPad ราคาสุดคุ้มที่ใครก็เอื้อมถึง 

          เริ่มกันที่กลุ่มแรกกับเคสราคาเบาๆ ที่รับรองได้เลยว่ากลุ่มนี้ราคาน่ารักมาก มีตั้งแต่ 390 - 490 บาท โดยส่วนใหญ่จะเป็นเคสแบบบางเบา พกพาไปเรียนได้สบายๆ และยังสามารถแปะ Apple Pencil 2 ได้อีกด้วย และที่สำคัญคุณภาพดีกว่าเคส iPad ในท้องตลาดทั่วๆ ไปแน่นอน

XunDD Beetle Holder ราคาเริ่มต้นเพียง 390 บาท 

มีสำหรับรุ่น iPad Air 5 / iPad Air 4 และ iPad Pro 12.9

          เคสสวมหลัง ไร้ฝาพับ ดีไซน์เรียบ น้ำหนักเบาสุดๆ มาพร้อมกับขาตั้งบริเวณด้านหลังที่สามารถพับตั้งได้ถึง 2 ระดับ คือ แนวตั้ง 65° สำหรับใช้ตั้งเรียนออนไลน์ ดูซีรีส์ เเละแนวนอน 30° สำหรับวาดเขียน จดเลคเชอร์ 

          แถมมี Airbag บริเวณมุมด้านในทั้ง 4 มุม ที่ช่วยลดแรงกระแทกเมื่อตกหล่นเบาๆ ในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย และยังสามารถติด Apple Pencil 2 ได้พร้อมรองรับ Wireless Charge ไปในตัวเลย รุ่นนี้คุ้มมากๆ สำหรับคนที่ไม่ชอบเคสแบบฝาพับ XunDD Beetle Holder เป็นตัวแรกที่อยากแนะนำเลยครับ

Mutural Xingtu ราคาเริ่มต้นเพียง 490 บาท 
มีสำหรับรุ่น iPad Gen 10 / iPad Air 5 / iPad Air 4 / iPad Gen 9 / iPad Gen 8 / iPad Gen 7 / iPad mini 6 / iPad Pro 11 และ iPad Pro 12.9

          เคสสวมหลังอีกรุ่นที่มีดีไซน์ข้างหลังแบบล้ำๆ แฟชั่นจ๋า  สีสันจัดจ้านโดดเด่นมองเห็นมาแต่ไกล แถมน้ำหนักก็เบามากไม่แพ้ XunDD Beetle Holder เลย มาพร้อม Stand and Grip ขาตั้งแนวนอนที่สามารถปรับได้ 2 ระดับ หรือสามารถใช้เป็นที่สอดมือเพื่อถือใช้งานมือเดียวได้อีกด้วย และยังมีเส้น Grip ที่บริเวณขอบเคสช่วยให้ถือใช้งานได้กระชับยิ่งขึ้น

          บริเวณขอบเลนส์กล้องยกสูงขึ้นช่วยป้องกันเลนส์ได้ดี และยังเสริมมุมทั้ง 4 มุมให้หนาขึ้นเพื่อปกป้อง iPad จากการกระแทก ทั้งยังช่วยซับแรงกระแทกเมื่อตกหล่นบริเวณมุมได้ สามารถแปะชาร์จ Apple Pencil 2 ได้ปกติ ยกเว้นกับรุ่น iPad Mini 6 ที่สามารถแปะได้แต่ไม่รองรับการชาร์จไร้สาย ใครเป็นตัวจี๊ดประจำกลุ่มต้องรุ่นนี้เลย เท่ระเบิดแถมราคาสบายกระเป๋าสุดๆ 

Mutural Clear Folio with Apple Pencil Holder  ราคาเริ่มต้นเพียง 490 บาท
มีสำหรับรุ่น iPad Gen 10 / iPad Gen 9 / iPad Gen 8 / iPad Gen 7 / iPad Air 5 / iPad Air 4 / iPad mini 6 และ iPad Pro 11

          เคสราคาสุดคุ้มอีกรุ่นในร้าน 425° ที่ถือว่าเป็นรุ่นขายดีสำหรับกลุ่มเคส iPad ราคาคุ้มค่า ฟังก์ชันค่อนข้างครบครัน เป็นเคสหนัง PU มีฝาพับไว้คอยป้องกันรอยขีดข่วนแถมยังมีสีให้เลือกค่อนข้างเยอะ แผ่นหลังใสสามารถโชว์สีเครื่อง iPad ได้ โดยเป็นกลุ่มสีเรียบๆ ไม่ฉูดฉาด ได้ความสบายตา นำไปใช้งานที่ไหนก็ดูเรียบร้อยมากๆ ถือไปจด Lecture ในห้องก็ไม่รบกวนสายตาผู้สอนแน่นอน

          ฝาพับรองรับฟังก์ชัน Auto Sleep/Wake แถมยังมีการบุด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์ที่มีคุณภาพช่วยป้องกันการเสียดสีได้ดี ลดการเกิดรอยบนหน้าจอได้ สามารถปรับตั้งได้ 2 ระดับในแนวนอน เหมาะกับการวาดเขียน และ ตั้ง Meeting เรียนออนไลน์ ได้เป็นอย่างดี ทั้งยังมีช่องสำหรับจัดเก็บ Apple Pencil และยังรองรับการชาร์จไร้สายของ Apple Pencil 2 อีกด้วย สะดวกมากๆ แนะนำเลยครับ

ESR Ascend Trifold with Clasp  ราคาเริ่มต้นเพียง 390 บาท 
มีสำหรับรุ่น iPad mini 6 และ iPad Pro 12.9

          เคสฝาพับที่เน้นความบางแบบ Slimfit ดีไซน์เรียบหรู ฝาพับผลิตจากหนัง Premium Vegan Leather สัมผัสนุ่ม สีสันสวยงาม ด้านในบุด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์ช่วยลดโอกาสการเกิดรอยขีดข่วนที่หน้าจอ ด้านหลังเป็นพลาสติกแข็งแบบ Translucent โปร่งแสงสัมผัสด้าน ช่วยลดการเกิดรอยนิ้วมือขณะใช้งานและช่วยให้จับถือได้อย่างกระชับมือยิ่งขึ้นอีกด้วย  

          สามารถพับตั้งได้ 2 ระดับ ทั้ง Viewing Mode และ Writing Mode รองรับการชาร์จไร้สายสำหรับ Apple Pencil 2 ได้อีกด้วย แม้จะเป็นเคสที่ไม่มีช่องใส่ Apple Pencil โดยเฉพาะแต่ยังให้ความสะดวกในการพกพา Apple Pencil เพราะบริเวณฝาพับมี Clasp ให้เกี่ยวปิดกับแผ่นหลัง ซึ่ง Clasp มีแถบแม่เหล็กทำให้เก็บ Apple Pencil ได้อย่างแนบสนิทช่วยป้องกันไม่ให้ Apple Pencil หล่นหายได้เป็นอย่างดี ใช้งานได้อย่างมั่นใจแน่นอนครับ


เคส iPad ฟังก์ชันตอบโจทย์เหมาะสมกับราคา

          น้องๆ คนไหนที่พอจะมี Budgat แนะนำกลุ่มนี้เลย เหมาะกับคนที่ใช้ iPad ทั้งเรียน ทั้งเล่น มากๆ เพราะกลุ่มนี้เพิ่มเติมกิมมิกเล็กๆ น้อยๆ จากกลุ่มแรก ที่ 425° คัดให้แล้วว่าดี ราคาไม่แรง แถมยังเหลือเงินไปซื้ออุปกรณ์เสริมอื่นๆ ในการเรียนได้อีกเพียบ 

          ซึ่งกลุ่มนี้จะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 790 - 990 บาท ถือว่าเป็นราคาพอเหมาะสมเหตุสมผลสำหรับการซื้อเกราะป้องกันให้อุปกรณ์การเรียนชิ้นสำคัญอย่าง iPad

Ringke Fusion ราคาเริ่มต้นเพียง 790 บาท

มีสำหรับรุ่น  iPad Air 5 / iPad Air 4 / iPad Gen 10 / iPad Gen 9 / iPad Gen 8 / iPad Gen 7 / iPad mini 6 / iPad Pro 11 และ iPad Pro 12.9

          เคส iPad จากแบรนด์ Ringke กับ Fusion Colletion มีให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 5 แบบ 

          เริ่มจากรุ่นที่เบสิกอย่าง Ringke Fusion เคสใสกันกระแทกแบบสวมหลัง เหมาะกับน้องๆ ที่เน้นความสะดวกสบาย ใช้งานได้อย่างรวดเร็ว จะจดตามอาจารย์ก็ทำได้อย่างรวดเร็ว หรือจะใช้เล่นเกมตอนพักสมองก็ไม่มีฝาพับให้กวนใจ ทั้งยังมีรางสำหรับจัดเก็บ Apple Pencil แถมยังมาพร้อมกับมาตรฐานกันกระแทกระดับ Military Standard ใช้งานได้อย่างสบายใจเลยครับ 

          ถัดมากับรุ่น Ringke Fusion Plus ซึ่งในรุ่นนี้จะเน้นบริเวณมุมทั้ง 4 ให้มีความหนาขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อช่วยปกป้อง iPad จากการตกหล่นบริเวณมุมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีรางเก็บปากกาที่ยาวกว่ารุ่น Ringke Fusion เพื่อรองรับการจัดเก็บ Apple Pencil 2 โดยไม่ต้องชาร์จทิ้งไว้ตลอดเวลาอีกด้วย

          Ringke Fusion+ รุ่นนี้มีการเติมสีสันเข้ามาเพื่อเพิ่มตัวเลือกให้แก่ผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น โดยมีการเสริมชิ้นยางกันกระแทกแบบ Soft Bumper ที่มีสีสันให้เลือกถึง 3 เฉดคือ White/Yellow (สีขาว/เหลือง), White/Black (สีขาว/ดำ) และ White/Lime Glow (สีขาว/เขียวเรืองแสง) สามารถถอดปรับเปลี่ยนทั้ง 4 มุมได้ตามความชอบ 

          เพิ่มเติมความสะดวกในการพกพามากยิ่งขึ้นสำหรับน้องๆ ที่อยากพกแค่ iPad ไปเรียนแบบเดี่ยวๆ ไม่ชอบพกกระเป๋าให้รุงรังต้องรุ่น Ringke Fusion+ Combo with Buckle Strap เพราะมีสาย Buckle Strap มาให้ในตัว สามารถสอดมือเป็นตัวช่วยในการถือได้อย่างกระชับ ใช้งานมือเดียวสำหรับยืนจดก็ทำได้สบาย จะยืนเล่นเกมระหว่างรอรถกลับบ้านก็สะดวกสุดๆ ครับ

          สุดท้ายกับรุ่น Ringke Fusion Combo with Outstanding Tablet Stand เป็นอีกรุ่นที่มีฟังก์ชันพิเศษเพิ่มเติมเข้ามานั่นก็คือ ขาตั้งที่สามารถพับตั้งได้ถึง 7 ระดับตั้งแต่ 23° ไปจนถึง 72° ปรับระดับตามการใช้งานที่หลากหลายได้สบายๆ และยังสามารถพับเก็บเรียบไปกับหลังเคส ทำให้พกพาสะดวก ไม่กินพื้นที่ในกระเป๋าอีกด้วย

SwitchEasy Origami และ SwitchEasy Origami Nude ราคา 990 บาท 

มีสำหรับรุ่น iPad Air 5 / iPad Air 4 / iPad Gen 10 / iPad mini 6 / iPad Pro 11 และ iPad Pro 12.9

          เคสฝาพับเปิดหัวท้ายดีไซน์แบบ Origami สามารถพับตั้งได้ถึง 4 ระดับ เหมาะกับการใช้งานหลายรูปแบบ ผลิตจากวัสดุหนัง Classic Leather สัมผัสเรียบหรู ภายในฝาพับมีการบุผ้าไมโครไฟเบอร์ พร้อมป้องกันหน้าจอ iPad จากการเสียดสีและลดโอกาสเกิดรอยขีดข่วนได้เป็นอย่างดี ทั้งยังเว้นพื้นที่บริเวณแถบด้านข้างสำหรับแปะ Apple Pencil 2 ได้แบบพอดี และยังรองรับฟังก์ชันการชาร์จไร้สายได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

          ข้อแตกต่างของ 2 รุ่น อยู่ที่สีสันและบริเวณแผ่นหลัง สำหรับ SwitchEasy Origami จะเป็นเคสพลาสติกแข็งที่หุ้มด้วยหนัง Classic Leather สีสันพาสเทลทั้งด้านหน้าและด้านหลัง แต่ในรุ่น SwitchEasy Origami Nude ฝาพับจะมีสีสันออกโทน Nude ดูเรียบร้อย ได้ลุคเด็กนั่งแถวหน้าและเลือกใช้แผ่นหลังเป็นพลาสติกแบบโปร่งแสงที่สามารถมองเห็นสีของ iPad ได้เล็กน้อย เพิ่มเติมความพรีเมียมให้น่าใช้งานมากยิ่งขึ้น และยังช่วยให้จับถนัดมือมากขึ้นอีกด้วย

Case Keyboard iPad Wireless Magnetic Folio Case with Keyboard iPad Touchpad TH/ENG  ราคา 990 บาท
มีสำหรับรุ่น iPad Gen 9 / iPad Gen 8 / iPad Gen 7 / iPad Pro 10.5 / iPad Air 5 / iPad Air 4 / iPad Air 3 และ iPad Pro 11 

          เคส iPad แบบ 2 in 1 มาพร้อมกับคีย์บอร์ดไร้สายที่รองรับภาษาไทย เคสนี้คุ้มมากๆ จน 425° จัดให้เป็น Set สุดคุ้มที่ซื้อรอบเดียวไม่ต้องไปหาอุปกรณ์เสริมเพิ่ม เหมาะสำหรับน้องๆ ที่ต้องการใช้งาน iPad แบบจริงจัง ใช้แทน Laptop ไปนั่งเรียนหรือนั่งทำงานกลุ่มหลังเลิกเรียนได้ทันที แถมยังมีสีให้เลือกเยอะ ตั้งแต่สีเบสิกอย่าง สีดำ สีเขียวเข้ม ไปจนถึงสีพาสเทลอย่าง ม่วง ฟ้า เขียวอ่อน และชมพู 

          เคสรุ่นนี้สามารถใช้งานแยกส่วนได้ถึง 3 แบบ คือ ใช้แบบเดี่ยวๆ เป็นเคสสวมหลัง, ใช้คู่กับเคสฝาพับเพื่อปกป้อง iPad จากรอยขีดข่วน หรือใช้เป็นเคสพร้อมคีย์บอร์ดก็ยังได้ แถมวัสดุที่เลือกใช้ยังได้คุณภาพทุกส่วนใช้งานได้อย่างสบายใจ

          เคสสวมหลังผลิตจากพลาสติกเเข็ง PC และยาง TPU ที่มีความยืดหยุ่นช่วยปกป้อง iPad จากการตกกระแทกเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวันได้ และยังมีช่องจัดเก็บ Apple Pencil 2 ที่สามารถรองรับการชาร์จไร้สายได้อีกด้วย ส่วนเคสชั้นนอกสุดผลิตจากพลาสติกเเข็ง PC หุ้มด้วยหนัง PU Leather สัมผัสนุ่มช่วยปกป้องหน้าจอจากรอยขีดข่วนได้เป็นอย่างดี ปกป้องดี ฟังก์ชันเพียบแบบนี้คุ้มค่ากับราคามากๆ ครับ 



เคส iPad สุด Premium ลงทุนซื้อครั้งเดียวจบ

          กลุ่มนี้คุ้มค่าน่าลงทุนมากเพราะซื้อครั้งเดียวจบ ดูแลดีๆ อาจใช้ไปยาวๆ ถึงตอนทำงานได้เลย ถ้าไม่เปลี่ยน iPad เครื่องใหม่ซะก่อน ใครเน้นใช้งาน iPad แบบ 100% ไม่ว่าจะเรียน ทำการบ้าน หาข้อมูล ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม ไถ Feed Socia กลุ่มนี้ฟังก์ชันจัดเต็ม ตอบโจทย์ครอบคลุมทุกความต้องการเลยครับ 

ZUGU Case ราคาเริ่มต้น 1,890 บาท 

มีสำหรับรุ่น iPad Air 5 / iPad Air 4 / iPad Gen 10 / iPad Gen 9 / iPad Gen 8 / iPad Gen 7 / iPad mini 6 / iPad mini 5 / iPad mini 4 / iPad Pro 11 และ iPad Pro 12.9

          สุดยอดเคส iPad ตัวจบที่การันตีด้วยยอดขายอันดับหนึ่ง 3 ปีซ้อน และเป็นเคสที่ติดอันดับ Best Seller ประจำร้าน 425° มาโดยตลอด ซึ่งจุดเด่นของ ZUGU คือ สามารถปรับพับตั้งได้ตั้งแต่ 20° ไปจนถึง 65° แบ่งออกไปเป็น 8 ถึง 10 ระดับ ขึ้นอยู่กับรุ่นของ iPad ทำให้เป็นเคสที่พับตั้งได้มากที่สุดในท้องตลาด และยังตั้งได้อย่างมั่นคงแม้จะตั้งบนตักก็ใช้งานได้อย่างดีเยี่ยม

          ฟังก์ชันที่น่าสนใจไม่ได้มีเพียงแค่การพับตั้ง แต่ยังมีช่องจัดเก็บปากกาที่ให้มาถึง 2 ตำแหน่ง จะแปะชาร์จไว้ที่ด้านข้างก็สามารถทำได้ หรือจะสอดเก็บที่ช่องผ้า Elastic ที่อยู่บริเวณด้านหลังเคส ก็ทำให้พกพาสะดวกมากยิ่งขึ้น ไม่ต้องกลัว Apple Pencil หล่นหาย และความสามารถในการกันกระแทก ที่โดดเด่นผ่านการ Drop Test จากทางแบรนด์และ 425° มาแล้วหลายต่อหลายครั้ง

          ภายใต้ความแข็งแกร่งน่าใช้งานของเคส ZUGU ก็ยังมีอีกฟังก์ชันที่หลายๆ คนอาจจะยังไม่รู้ นั่นก็คือ แม่เหล็กแรงดูดสูง ที่กระจายอยู่ทั่วทั้งเคสช่วยล็อกและดูดติดกับพื้นผิวที่เป็นแม่เหล็ก สามารถแปะติดไว้กับตู้เย็นเพื่อดูสูตรอาหารได้โดยไม่ต้องกลัวตก และแม่เหล็กเดียวกันนี้มีส่วนช่วยในการกันงอได้อีกด้วย

          นอกจากใส่ฟังก์ชันมาให้แบบจุกๆ แล้ว ยังมีสีสันให้เลือกมากถึง 5 สี ได้แก่ ดำ (Black), แดง (Red), น้ำตาล (Brown), ฟ้า (Slate) และ เบอร์รี (Berry) ครอบคลุมหลากหลายไลฟ์สไตล์ ใครมองหาเคสฟังก์ชันครบ ซื้อครั้งเดียวจบ ห้ามพลาดรุ่นนี้เลย

Tomtoc Tablet Case และ Tomtoc B02 Tri-Mode ราคาเริ่มต้นเพียง 1,090 บาท

มีสำหรับรุ่น iPad Air 5 / iPad Air 4 / iPad Gen 10 / iPad Gen 9 / iPad Gen 8 / iPad Gen 7 / iPad Pro 11 และ iPad Pro 12.9

          เคสที่โดดเด่นเรื่องการพับแนวตั้ง น้องๆ คนไหนชอบอ่านหนังสือ แนวข้อสอบหรือ E-Book ต้องรุ่นนี้เลยครับ เพราะสามารถตั้งได้ที่ 69° ซึ่งเป็นองศาที่ดีที่สุดกับการใช้งานในแนวตั้ง และยังสามารถพับได้อีก 2 ระดับในแนวนอน และ แนวราบ 

          ภายนอกผลิตจากหนัง PU ซึ่งมีการเคลือบด้วย Anti-grease Stain Layer เพื่อลดการเกิดคราบสกปรก ทั้งยังช่วยให้ทำความสะอาดได้ง่ายกว่าปกติเมื่อเลอะคราบต่างๆ 

          นอกจากนี้ฝาพับยังมีการออกแบบมาปิดคลุมถึงรางเก็บ Apple Pencil เพิ่มการป้องกันการตกหล่นหายได้ดียิ่งขึ้น สะดวกต่อการพกพา และยังรองรับการแปะชาร์จแบบไร้สายสำหรับ Apple Pencil 2 อีกด้วย ภายในยังบุด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์เพื่อลดการเกิดรอยขีดข่วนบริเวณหน้าจอได้

          Tomtoc Tablet Case และ Tomtoc B02 Tri-Mode ทั้ง 2 รุ่นจะแตกต่างกันที่เฉดสี ที่ถ้าน้องๆ คนไหนเป็นสายสดใสร่าเริง ชีวิตมีสีสันต้องถูกใจกับสีของรุ่น Tablet Case อย่างแน่นอน แต่ถ้าต้องการความเรียบร้อย ไม่ชอบโทนสีที่ฉูดฉาด ต้องรุ่น B02 Tri-Mode เลยครับ

          อีกจุดต่างเล็กๆ ที่ถ้ามองผิวเผินอาจจะไม่รู้สึกถึงความแตกต่างก็คือน้ำหนัก ที่ในรุ่น Tablet Case จะใช้แผ่นหลังเป็นพลาสติกแข็ง PC ทำให้มีน้ำหนักมากกว่าเล็กน้อย เมื่อเทียบกับวัสดุยาง TPU ในรุ่น B02 Tri-Mode แต่ทั้ง 2 วัสดุยังสามารถช่วยปกป้อง iPad จากการงอและการตกกระแทกได้ เพราะทั้ง 2 รุ่นผ่านการทดสอบมาตรฐาน Military Standard ที่ 1.2 m สามารถรองรับการตกกระแทกได้ในระดับที่เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน

STM DUX Plus ราคาเริ่มต้นเพียง 1,690 บาท 

มีสำหรับรุ่น iPad Gen 10 / iPad Air 5 / iPad Air 4 / iPad mini 6 และ iPad Pro 11

          เคสฝาพับกันกระแทกสุดแกร่งที่ผ่านการ Drop Test มาแล้วจากทาง 425° และผู้ใช้งานหลายคนยกให้เป็นเคสกันงอ iPad รุ่นที่ดีที่สุด น้องๆ คนไหนชอบเผลอทำ iPad หลุดมือบ่อยๆ แถมยังกังวลว่าจะเผลอนั่งทับด้วยต้อง STM DUX Plus เลยครับ ให้การปกป้องดีเยี่ยมขั้นสุดแถมยังช่วยกันงอได้เป็นอย่างดี 

          ความลับของเคสสุดแกร่งอยู่ที่แผ่นหลังพลาสติกแข็งสีใส (Polycarbonate) ที่มีความหนาเพียงพอต่อการปกป้อง iPad จากการบิดและงอ ทั้งยังโชว์สีเครื่อง iPad ได้อีกด้วย และเลือกใช้ขอบยางกันกระแทก (TPU) ยืดหยุ่นแต่แข็งแรง มั่นใจได้เพราะผ่านการรับรองมาตรฐานกันกระแทก MIL-SPEC 810G ที่ 1.2 m มาแล้ว 

          ผิวสัมผัสยังให้ความพรีเมียมสุดๆ เพราะเลือกใช้วัสดุหนังสังเคราะห์ (Premium PU Leather) บริเวณฝาพับที่คลุมไปถึงขอบหลังสามารถป้องกันรอยทั้งหน้าจอและขอบข้างได้แบบ 180° นอกจากนี้ยังมีรางสำหรับจัดเก็บ Apple Pencil และยังรองรับการชาร์จไร้สายของ Apple Pencil 2 อีกด้วย 

          ทั้งวัสดุสุดแกร่งและความพรีเมียมทำให้ STM DUX Plus ออกมาในดีไซน์สปอร์ต ได้ลุคเรียบเท่ให้ความทะมัดทะแมง ใครกำลังตามหาเคสไปใช้งานแบบดุดัน จัดหนัก จัดเต็ม มั่นใจได้ในทุกสถานการณ์ ว่า iPad จะปลอดภัย ห้ามพลาดรุ่นนี้เลยครับ 


          อ่านมาถึงตรงนี้ 425° มั่นใจว่าน่าจะมีสักรุ่นที่เข้าไปอยู่ในใจน้องๆ บ้าง ไม่ว่าจะเป็นเคสราคาสุดคุ้ม ไปจนถึงเคสฟังก์ชันครบน่าลงทุน รับรองได้เลยว่าเป็นเคสที่ได้คุณภาพถูกต้องตามความต้องการของน้องๆ แน่นอน 

          ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของเคส iPad ที่ในร้าน 425° มีเท่านั้น ใครยังไม่จุใจ ยังอยากชมเคส iPad แบบอื่นๆ ก็สามารถเข้าไปเลือกชมได้ที่ www.425degree.com แต่ถ้าหากใครยังตัดสินใจไม่ถูก อยากลองจับของจริงด้วยตัวเอง ก็สามารถเข้าไปเลือกชมได้ที่ 425° Flagship Store at centralwOrld ได้ทุกวัน ตั้งแต่ 10 โมงถึง 4 ทุ่ม ไม่เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ด้วยนะ เลิกเรียนแล้วไปลองกันได้เลย