425Audio สรุปชัดๆ 

• ทั้ง Edifier NeoBuds Pro 2 และ Apple Airpods Pro 2 มีดีไซน์สัมผัสที่มีพรีเมี่ยมทั้งคู่
• ฟิลลิ่งการสวมใส่คล้ายกัน ใส่สบายพอๆกัน ไม่ได้รู้สึกต่างกันมาก
• Apple Airpods Pro 2 สลับเชื่อมต่อได้อย่างรวดเร็วกับอุปกรณ์ Apple ด้วยกันเอง แต่ Edifier NeoBuds Pro 2 มีระบบ Swift Pair สลับเชื่อมต่อเร็วเหมือนกัน และสามารถสลับต่อข้าม OS ได้ ไม่จำกัด
• โหมดตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancelling ของ Apple Airpods Pro 2 จะมีความฉลาดมากกว่า อัตโนมัติมากกว่า แต่ถ้าเทียบกันเฉพาะความเงียบของโหมดตัดเสียงรบกวน พบว่า Edifier NeoBuds Pro 2 ตัดได้เงียบพอๆกับ Apple Airpods Pro 2
• Apple Airpods Pro 2 สามารถปรับแต่งระบบได้เยอะกว่า ส่วน Edifier NeoBuds Pro 2 ปรับแต่งได้น้อยกว่าหน่อย แต่สามารถปรับ EQ เสียงได้อย่างอิสระมากกว่า
• ไมค์คุยโทรศัพท์ชัดพอๆกัน แต่ Edifier NeoBuds Pro 2 ตัดเสียงรบกวนตอยคุยโทรศัพท์เงียบกว่า Apple Airpods Pro 2 (มีคลิปทดสอบเสียงไมค์ด้านล่าง)
• Apple Airpods Pro 2 เล่นเกมดูหนังแทบไม่ดีเลย์เมื่อเชื่อมต่อกับ Apple ด้วยกัน แต่ Edifier NeoBuds Pro 2 ก็สามารถใช้เล่นเกมหรือดูหนังได้ในระดับที่ไม่รู้สึกดีเลย์ทั้ง iOS และ Android หรือแม้แต่ Window PC
• คุณภาพเสียงดีทั้งคู่ ต่างกันที่โทนเสียง ถ้าชอบแนวเรียบๆ ใสๆ ฟังสบาย Airpods Pro 2 จะตอบโจทย์ แต่ถ้าชอบเสียงแนวรุกเร้า เบสหนักฟังสนุก เสียงแหลมคมใสจัดจ้าน Edifier NeoBuds Pro 2 ตอบโจทย์กว่า
• Apple Airpods Pro 2 แบตเตอรี่เยอะกว่า Edifier NeoBuds PRO 2 ความต่างราวๆ ชั่วโมงกว่าๆ
• ถ้าเป็น Apple Fanboy, Fangirl ใช้ Apple ทุกอุปกรณ์ Apple AirPods Pro 2 จบกว่า แต่ถ้าหาตัวเลือกที่ราคาคุ้มค่ากว่า หลายอย่างทำได้ดีพอๆกับ Apple Airpods Pro 2 ชอบเบสหนักๆมากกว่า ใช้อุปกรณ์หลายระบบ Edifier NeoBuds Pro 2 ตอบโจทย์กว่า

          พบกันอีกแล้วสำหรับรีวิวเปรียบเทียบหูฟังไร้สายเชิง versus ซึ่งบทความนี้ทีมงาน 425Audio ทำตามคำเรียกร้องของชาวหู 425 ที่กำลังตัดสินใจจะเลือกระหว่าง Edifier NeoBuds Pro 2 ดี หรือ Apple Airpods Pro 2 ไปเลยดี อ่านบทความนี้ ได้คำตอบ เลือกได้ถูกตัวแน่นอน ถ้าพร้อมแล้ว เราไปดูกันเลยครับ

ดีไซน์ (Design)

          เปรียบเทียบเรื่องดีไซน์ระหว่าง Edifier NeoBuds Pro 2 กับ Airpods Pro 2 ต้องขอบอกว่าหูฟังทั้งสองรุ่น ออกแบบมาได้สวยงามแบบต่างคนต่างสไตล์กัน Edifier NeoBuds Pro 2 จะออกแนวเรียบหรู แต่ก็ยังแฝงความเท่ที่ให้อารมณ์คล้ายรถซุปเปอร์คาร์ ส่วน Apple Airpods Pro 2 จะออกแนวมินิมอล สะอาดสะอ้านตาสไตล์ Apple ครับ

          ในเรื่องของวัสดุ ต้องบอกเลยว่าเวลาหยิบจับสัมผัสนั้น วัสดุของหูฟังทั้งสองรุ่นรู้สึกพรีเมี่ยมพอๆกัน พลาสติกก็เกรดเดียวกัน เพียงแต่กล่องชาร์จของ Edifier NeoBuds Pro 2 เค้าจะเป็นแบบผิวด้านๆหน่อย ส่วนกล่องชาร์จของ Apple Airpods Pro 2 จะมีผิวแบบเงาๆ

          การหยิบหูฟังออกจากกล่องชาร์จของหูฟังทั้งสองรุ่น “หยิบง่ายพอๆกัน” สามารถใช้สองปลายนิ้วจับเบ้าหูฟังแล้วหยิบออกได้อย่างง่ายๆ ไม่มีรุ่นไหนที่ต้องใช้นิ้วแงะให้ลำบาก

          ขนาดก้านหูฟังของ Edifier NeoBuds Pro 2 จะมีขนาดกว้างกว่า Apple Airpods Pro 2 เล็กน้อย โดยที่ความยาวก้านหูฟังของ Edifier NeoBuds Pro2 นั้นจะยาวกว่าก้านหูฟังของ Apple Airpods Pro 2 เล็กน้อย

การสวมใส่ (Fitting)

          เรื่องการสวมใส่โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับหูฟังทรง in-ear หรือทรงแบบจุกสอดหูนั้น ปัจจัยการสวมใส่ที่สำคัญและควรให้ความสำคัญมากๆเลยนั่นคือ “ขนาดจุกหูฟัง”

          จุกหูฟังของ Apple Airpods Pro 2 จะเป็นทรงวงรี เข้ารูปร่างช่องหูของเราๆ ส่วนจุกหูฟังของ Edifier NeoBuds Pro 2 จะเป็นทรงถ้วยมาตรฐานทั่วไป เน้นไปทางซีลกันเสียงรอบข้างเพื่อทำงานร่วมกับโหมดตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancelling ซะมากกว่า

          เท่าที่ลองสวมใส่ ส่วนตัวแอดมินพบว่าฟิลลิ่งการสวมใส่ทั้ง Edifier NeoBuds Pro 2 กับ Apple Airpods Pro 2 มีความคล้ายคลึงกันมากๆ ถ้าหลับตาแล้วให้อีกคนเอาหูฟังแต่ละตัวสลับใส่หูเรา แทบแยกไม่ออกเลยว่าใส่ NeoBuds Pro 2 หรือ Apple Airpods Pro 2 อยู่

          ต้องบอกเลยว่า ทั้ง Edifier NeoBuds Pro 2 และ Apple Airpods Pro 2 สวมใส่สบายมากพอๆกัน เนื่องจากแต่ละตัวมีดีไซน์ท่อหูฟังไม่ได้ยาวมาก ทำให้สวมใส่ไม่รู้สึกจุกหูมากไป ยังมีความรู้สึกโปร่งสบายแฝงอยู่ในนั้น

          ในความคิดเห็นส่วนตัวของแอดมิน ถ้าเพื่อนๆสามารถใส่ Airpods Pro 2 ได้สบายๆ น่าจะสวมใส่ Edifier NeoBuds Pro 2 ได้สบายไม่ต่างกัน

          แต่ถ้าใครกังวลว่าตัวเองจะสวมใส่ Edifier NeoBuds Pro 2 ได้ไหม ในกล่อง package ของ Edifier NeoBuds Pro 2 แถมจุกหูฟังให้มาถึง 6 ขนาด (โดยปกติหูฟังไร้สายทั่วไปจะแถมมาแค่ 3 ขนาดเป็นมาตรฐาน) ตั้งแต่ไซส์เล็กพิเศษมากๆ(XS) จนถึงใหญ่พิเศษมากๆ (XL) มันต้องมีสักขนาดที่เพื่อนๆต้องใส่ได้สบายๆสักคู่ล่ะน่า !!

 การเชื่อมต่อ (Connection) :

          ในเรื่องของการเชื่อมต่อ ถ้า Apple Airpods Pro 2 จับคู่กับอุปกรณ์ Apple ด้วยกัน (เช่นไอโฟน) มันจะรวดเร็วไร้เทียมทานอย่างที่เราๆทราบกันดี สเถียร ค่าความหน่วง latency เวลาดูหนังเล่นเกมก็ตํ่า แถมยังสลับต่อหูฟังกับอุปกรณ์แอปเปิ้ลอื่นๆไปมาได้แทบจะไร้รอยต่อมากครับ

          แต่ Edifier Neobuds Pro 2 มีระบบพิเศษที่เรียกว่า Swift-Pair หรือระบบสลับการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ได้ทันที ยกตัวอย่างเช่น ขณะนี้เชื่อมต่อกับโทรศัพท์ฟังเพลงอยู่ แล้วอยากย้ายไปเชื่อมต่อกับแล็ปท๊อป ก็สามารถกดเชื่อมต่อ Edifier NeoBuds Pro 2 ที่แล็ปท๊อปได้เลยโดยที่ไม่ต้องตัดการเชื่อมต่อจากโทรศัพท์ เมื่อกดเชื่อมต่อแล้ว หูฟังจะตัดการเชื่อมต่อจากโทรศัพท์แล้วมาเชื่อมต่อกับแล็ปท๊อปได้ทันทีโดยอัตโนมัติ ซึ่งสะดวกสบายมากๆ

          ถ้า Apple Airpods Pro 2 จับคู่กับอุปกรณ์ของมัน เรื่องการเชื่อมต่อน่าจะเหนือกว่า Edifier NeoBuds Pro 2 แน่นอนครับ แต่ถ้า Apple Airpods Pro 2 จับคู่กับ Android หรือ Window ส่วนตัวแอดมินคิดว่า Edifier NeoBuds Pro 2 เหนือกว่าในเรื่องของการรองรับระบบที่หลากหลายครับ

แอปพลิเคชัน (Application) :

          ในส่วนของแอปพลิเคชัน Apple Airpods Pro 2 สามารถปรับตั้งค่าหูฟังได้หลากหลายและละเอียดมากๆ ไม่ว่าจะปรับปุ่มหูฟัง ปิดระบบโน่นระบบนี่มากมายเต็มไปหมด แต่จะเข้าถึงระบบเหล่านี้ได้กับอุปกรณ์ iOS เท่านั้น ถ้าเอาไปต่อ Android จะเข้าถึงพวกฟีเจอร์ละเอียดๆไม่ได้ 

          ต่างกับ Edifier NeoBuds Pro 2 จะมีแอปพลิเคชันรองรับโดยตรงทั้งอุปกรณ์ iOS และ Android ซึ่งภายในแอปก็สามารถปรับตั้งค่าปุ่ม ปิดระบบนู้นเปิดระบบนี้ อีกทั้งภายในแอปยังสามารถปรับ EQ แบบ manual ได้ด้วย ซึ่งก็น่าจะตอบโจทย์กับคนที่ชอบปรับ EQ ให้ได้เสียงที่ถูกจริตกับเราที่สุดครับ

โหมดตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancelling (Noise Cancelling Mode)

          ในส่วนของโหมดตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancelling นั้น จากที่แอดมินได้ลองใส่ Edifier NeoBuds Pro 2 และ  Apple Airpods Pro 2 เทียบในหลายๆสภาพแวดล้อม พบว่าทั้งคู่สามารถทำได้ดีพอๆกัน บอกยากมากว่าตัวไหนเงียบกว่า เพราะทั้งสองตัวตัดเสียงรบกวนเงียบในระดับที่ใกล้กันมากๆเลยครับ

          ในส่วนของโหมดดูดเสียงรอบข้าง Ambient Sound หรือ Transparency Mode ต้องบอกเลยว่า Apple Airpods Pro 2 ดูดเสียงรอบข้างเข้ามาให้ได้ยินชัดและเป็นธรรมชาติมากกว่า Edifeir NeoBuds Pro 2มากพอสมควรครับ

          ว่ากันด้วยเรื่องของลูกเล่นของโหมดตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancelling ต้องบอกเลยว่า Apple Airpods Pro 2 มีลูกเล่นของโหมดตัดเสียงรบกวน ANC ที่มีความฉลาดกว่า เพราะมันมี ANC แบบ Adaptive ที่สามารถตัดเสียงหรือเปิดเสียงรอบตัวให้เราได้ยินได้แบบเรียลไทม์เลย

          ส่วน Edifier NeoBuds Pro 2 จะมีโหมดตัดเสียงรบกวน ANC ให้ใช้งานอยู่ 4 โหมดด้วยกัน ได้แก่โหมด High-Noise (ตัดเสียงเบอร์สุด), Medium-Noise (ตัดเสียงระดับกลาง), Low-Noise (ตัดเสียงระดับตํ่าๆ) และโหมด Wind-Reduction (โหมดตัดเสียงลม) ซึ่งเราสามาระเลือกเปิดโหมดต่างๆตามสภาพแวดล้อมได้ด้วยปลายนิ้วครับ

คุยโทรศัพท์ (Calls Quality) : 

          จากผล test ไมโครโฟนของแอดมินแล้วต้องขอบอกด้วยความแปลกใจเลยว่า Edifier NeoBuds Pro 2 และ Apple Airpods Pro 2 คุยโทรศัพท์ชัดสูสีกันมากๆเลยครับ

          ไมค์ของ Edifier NeoBuds Pro 2 สามารถตัดเสียงรบกวนตอนคุยโทรศัพท์ได้แทบจะเกลี้ยงเกลา ชนิดที่ว่าใช้คุยบนรถไฟฟ้า หรือคุยอยู่ริมถนนใหญ่ๆ ปลายสายแทบจะไม่ได้ยินเสียงรถเสียงคนขณะเราพูดสายเลย และยังให้เสียงพูดที่ฟังชัด ซึ่งมั่นใจได้เลยว่า Edifier NeoBuds Pro 2 เป็นหูฟังไร้สายที่ไมค์คุยโทรศัพท์ดีมากๆ คุยได้แทบจะทุกสภาพแวดล้อมเลยครับ

          ส่วนไมโตรโฟนของ Apple Airpods Pro 2 ก็ทำได้ดีสมราคาและคำรํ่าลือมันอยู่แล้วสามารถตัดเสียงรบกวนขณะคุยโทรศัพท์ได้ดี และยังให้เสียงพูดที่ชัดเป็นธรรมชาติ ซึ่งก็ไม่แปลกใจครับเพราะ Apple Airpods Pro 2 ไมค์เค้าดีอยู่แล้ว

          แต่ที่แปลกใจตกมาอยู่ที่ Edifier NeoBuds Pro 2 มากกว่า เพราะด้วยความที่ราคาค่าตัวของมันถูกว่า Apple Airpods Pro 2 อยู่เกือบครึ่งนึง แต่เรื่องคุยโทรศัพท์นับว่าทำได้ดีพอๆกัน อาจจะหาว่าแอดมินพูดลอยๆ เพื่อยืนยัน แอดมินมีคลิปเทสเสียงไมค์ Edifier NeoBuds Pro 2 และ Apple Airpods Pro 2 ด้านล่าง สามารถกดฟังเทียบเสียงไมค์ได้เลยครับ

คลิปตัวอย่างเสียงไมค์ของ Edifier Neobuds Pro 2 และ Apple Airpods Pro 2

ดูหนัง & เล่นเกม (Movies & Gaming) 

          ในส่วนของการใช้ดูหนังและเล่นเกม ถ้าถามว่าตัวไหนดีเลย์ latency น้อยที่สุด ยังไงก็ต้องเป็น Apple Airpods Pro 2 จับคู่กับ iOS ครับ คู่หูสุดไร้เทียมทานจริงๆ

          แต่ถ้าเทียบความดีเลย์เสียงขณะใช้ดูหนังและเล่นเกมของ Edifier NeoBuds Pro 2 กับ Airpods Pro 2 ไม่ได้ต่างกันมากมายขนาดนั้น เพราะ Edifier NeoBuds Pro 2 ก็ยังอยู่ในระดับที่ใช้ดูหนังและเล่นเกมได้แทบจะไม่รู้สึกดีเลย์ทั้ง iOS และ Android อย่าว่าแต่แค่ iOS กับ Android เลย แอดมินเคยเอา Edifier NeoBuds Pro 2 ไปต่อ PC เล่น Counter Strike 2 มาแล้ว เล่นได้สบายๆ แทบไม่รู้สึกดีเลย์ครับ

          ในส่วนของการดูหนัง ที่ว่าด้วยเรื่องของ “ซาวด์” ยังไงก็ต้องยกให้ Apple Airpods Pro 2 แบบเปิด Spatial Audio ครับ เป็นหูฟังไร้สายที่ใช้ดูหนังได้ดีมากๆตัวนึง มิติโอบล้อม ย่านตํ่ามาเต็ม เสียงพูดมาชัด สุดมากๆครับ

          ส่วน Edifier NeoBuds Pro 2 ก็อยู่ในระดับที่ใช้ดูหนังได้ดีถ้า ใช้ EQ เสียงแบบ Dynamic (สามารถเปิดได้ในแอป Edifier Connect) ถึงแม้มิติเสียงของหนังจะยังสู้ Apple Airpods Pro 2 ไม่ได้ แต่เสียงย่านตํ่ามาหนักหน่วง เสียงพูดชัด ดูหนังกระหึ่มสนุกไม่แพ้กันครับ

คุณภาพเสียง (Sound Quality)

          ต้องบอกก่อนว่าทั้งคู่เป็นหูฟังไร้สายที่มีคุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว แต่ถ้าถามว่าตัวไหนเสียงดีกว่า อันนี้แอบตอบยาก แต่แอดมินพูดตามรสนิยมตัวเองแล้วกันครับ

          โดยส่วนตัวแอดมินเป็นคนที่ชอบเสียงที่ฟังสนุก มีความรุกเร้าฮึกเหิม เบสต้องหนัก แต่รายละเอียดเสียงดนตรีต้องยังชัดเจนครับ

          ซึ่ง Apple Airpods Pro 2 ก็ให้เสียงที่ฟังสนุก ให้เสียงร้องและเสียงแหลมที่ไพเราะฟังง่าย ฟังสบาย และให้เสียงเบสที่อยู่ในระดับโอเค ออกแนวสะอาดมากกว่า

          Edifier NeoBuds Pro 2 ให้เสียงเบสที่หนักหน่วง มีสีสัน และลงได้ตํ่าลึกอลังการกว่า Apple Airpods Pro 2 ในขณะที่เสียงร้องและเสียงแหลมจะออกแนวสว่าง คมใสจัดจ้าน ทำให้ได้ยินรายละเอียดเสียงดนตรีช่วงกลาง-แหลม ได้ง่ายกว่า Apple Airpods Pro 2 ที่จะออกแนวเรียบๆ จืดๆ หน่อยครับ

          ในส่วนของมิติเสียง Apple Airpods Pro 2 จะโกงมากถ้าเปิด Spatial Audio ซึ่งมิติเสียงมันจะคล้ายโอบล้อมรอบหัว แต่ถ้าปิด Spatial Audio แล้ววัดกันที่เสียงเดิมๆ แอดมินว่า Edifier NeoBuds Pro 2 ทำได้ดีกว่า ให้มิติเสียงที่โปร่งกว้างและแยกเสียงชิ้นดนตรีต่างๆได้เฉียบขาด และจัดวางชิ้นดนตรีต่างๆตามตำแหน่งได้อย่างเหมาะสมกว่าครับ

          เรื่องเสียงเป็นเรื่องของรสนิยมส่วนบุคคล ไม่มีโทนเสียงแบบไหนดีที่สุด มีแค่ว่าเราชอบเสียงแบบไหน ถ้าชอบแนวเรียบๆ สะอาดๆ ฟังสบาย แอดมินว่า Apple Airpods Pro 2 ตอบโจทย์ แต่ถ้าชอบแนวเบสหนัก จัดจ้าน ฟังสนุกซี๊ดซ๊าดประหนึ่งได้กินต้มยำเผ็ดๆ แซ่บๆ โทนเสียงของ Edifier NeoBuds Pro 2 ตอบโจทย์รสชาติแนวนี้ได้ดีกว่าครับ

แบตเตอรี่ (Battery)

          ทาง spec sheet ของ Apple Airpods Pro 2 เค้าเคลมแบตฯมาที่ 5.5 ชม. ต่อรอบ (ใช้งานแบบเปิด Spatial Audio และโหมดตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancelling ตลอดการใช้งาน) ส่วน Edifier NeoBuds Pro 2 เคลมแบตเตอรี่มาที่ 4 ชม. ต่อรอบ (ใช้งานแบบเปิด ANC ตลอดเวลา) ซึ่งถ้าวัดจากสเปกหลังกล่องฯ แบตเตอรี่ของ Apple Airpods Pro 2 จะเยอะกว่า Edifier NeoBuds Pro 2 อยู่ราวๆ 1 ชม. 

          แต่พอได้ลองใช้งานจริงเทียบแล้ว ระยะเวลาแล้ว Apple Airpods Pro 2 ก็ใช้งานได้นานกว่า Edifier NeoBuds Pro 2 เฉลี่ยราวๆ 1 ชม โดยที่แอดมินใช้ Apple Airpods Pro 2 แบบเปิด ANC และ Spatial Audio แบบ Fixed ตลอด ใช้ได้ประมาณ 4 ชม. นิดๆ หูฟังก็แบตหมดไปข้างนึงละ

          ส่วน Edifier NeoBuds Pro 2 เปิด ANC ขณะฟังเพลงตลอด ดูหนังบ้าง คุยโทรศัพท์บ้าง แอดมินใช้ได้ประมาณ 3 ชม. กว่าๆ แบตหูฟังข้างขวาก็หมด

          ถ้าพูดนอกเรื่องทั้งสองตัว ทั้ง Apple Airpods Pro 2 และ Edifeir NeoBuds Pro 2 เป็นหูฟังไร้สายที่ไม่ได้แบตอึดเวอร์วังอะไรมาก อาจไม่ตอบโจทย์กับผู้ที่ใส่หูฟังคาหูไว้ตลอดทั้งวัน หรือแทบจะตลอดเวลาที่อยู่นอกบ้าน แต่ถ้าท่านเป็นคนใส่หูฟังแบบตามวาระ เช่น ใส่ฟังเพลงขณะเดินทาง ใส่นั่งทำงาน หรือใส่คุยประชุมทั่วไป เป็นรอบๆ แบตเตอรี่ของ Apple Airpods Pro 2 และ Edifier NeoBuds Pro 2 ก็อยู่ในระดับที่เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันครับ

สรุป ตัวไหนเหมาะกับเรา (Summary)

          ถ้าท่านเป็น Apple Fanboy, FanGirl ใช้อุปกรณ์ทุกอย่างเช่นโทรศัพท์, แท็ปเล็ต, โน๊ตบุ๊คเป็น Apple และงบประมาณไม่ใช่ปัญหา แอดมินยังให้ความเห็นเดิมว่า Apple Airpods Pro 2 ตัวเดียว จบกว่า เพราะมันต่อลิงค์กันได้ทั้งอุปกรณ์ ให้คุณภาพเสียงที่ดี ดูหนังดี ไมค์คุยโทรศัพท์ก็ชัด อีกทั้งยังใส่สบายมากๆครับ

          แต่ถ้าท่านอยากใช้ต่อแค่โทรศัพท์ หรือใช้อุปกรณ์หลายระบบทั้ง iOS, Android, MacOs, Window แล้วอยากได้ตัวที่มีประสิทธิภาพในหลายๆด้านใกล้เคียง Apple Airpods Pro 2 ที่สุด ในราคาที่ถูกที่สุด ณ ตอนนี้ แอดมินเชียร์ Edifier NeoBuds Pro 2 นะ เพราะมันใส่สบาย ไมค์คุยชัด เสียงฟังสนุก ดูหนังก็ดี สลับต่อไปมาข้ามอุปกรณ์ได้โดยตรงแบบไม่จำกัดอุปกรณ์ อีกทั้งมันยังเป็นหูฟังที่ใส่สบายมากที่สุดตัวนึงในย่านราคานี้แล้วครับ