Keychron K2 Mechanical Keyboard Thai Keyboard Version2 - Red Switch (คีย์บอร์ด Mechanical ไร้สาย)
- Keychron K2 V.2 Minor Change แมคคานิคอลคีย์บอร์ด
- พัฒนามาจาก Keychron K2 รุ่นแรก ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- Red Switch สวิตซ์แบบจังหวะเดียว กดลื่นโดยไม่ต้องออกแรงมาก มีเสียงเบา
- กดใช้งานได้ถึง 60 ล้านครั้งต่อปุ่ม ถอดเปลี่ยนรายปุ่มได้ ไม่ต้องซื้อใหม่
- Hot-Swappable สามารถเปลี่ยนสวิตซ์ได้ตามรูปแบบการใช้งาน ถอดประกอบง่าย ไม่ต้องบัดกรี
- ใช้งานได้ทั้งแบบมีสายและไร้สาย เชื่อมต่อได้มากสุดถึง 3 อุปกรณ์
- รองรับทุกระบบปฏิบัติการทั้งระบบ Mac, Windows, Android, iOs
- มีแบตเตอรี่ในตัว 4000 mAh ใช้งานได้นานสุด 6 สัปดาห์ต่อการชาร์จเพียง 1 ครั้ง
- แข็งแรงทนทานด้วย Aircraft Grade Aluminum อลูมิเนียมที่ใช้ในอุตสาหกรรมการบิน
Keychron K2 Mechanical Keyboard Thai Keyboard Version2 - Red Switch (คีย์บอร์ด Mechanical ไร้สาย)
425 recommend
Keychron K2 Mechanical Keyboard จาก USA ที่ได้รับการสนับสนุนผ่าน Kickstarter เว็บระดมทุนชื่อดังจนออกมาเป็นสินค้าตัวจริง โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่มีระดับให้เป็นมากกว่าคีย์บอร์ดทั่วไป ตั้งไว้เฉยๆก็ยังสวย นำวัสดุเกรดคุณภาพอย่าง Aircraft Grade Aluminum ยิ่งตอกย้ำถึงความแข็งแรงทนทาน มีไฟ RGB กว่า 15 รูปแบบสี รองรับทุกอุปกรณ์ ทั้ง Mac, Windows, Android, iOS เชื่อมต่อได้สูงสุด 3 อุปกรณ์และสลับใช้งานได้สะดวก จะใช้งานไร้สายหรือมีสายก็ดีไปหมด ถือว่าเป็น Mechanical Keyboard ที่นอกจากจะหน้าตาดีแล้ว ฟังก์ชั่นยังครบครัน ไม่ว่าจะเป็นสายเกมเมอร์หรือจะใช้พิมพ์งานก็จบได้ด้วย Keychrom K2
- ในรุ่นนี้จะเป็นรุ่นที่ 2 ของ Keychron K2 ครับ มีการเปลี่ยนแปลงเพื่อปิดจุดและข้อจำกัดที่มีในรุ่นที่ 1 ครับ อาจสังเกตได้จากภายนอกทั้งเรื่องสีคีย์ที่เปลี่ยนไป ความลาดเอียงของส่วนปุ่มกด รวมไปถึงเรื่องภายในซึ่งทาง 425 จะมีสรุปอยู่ในหัวข้อ Minor Change ครับ
- จากที่ 425 ได้ลองใช้ ต้องบอกว่าพิมพ์เพลินมากๆครับสำหรับ Mechanical Keyboard ได้ประสบการณ์การพิมพ์อีกรูปแบบ กดพิมพ์สนุกมือลื่นไม่สะดุดนิ้ว การเชื่อมต่อแสนง่ายนี้ทำให้ใช้งานได้สะดวกมากขึ้น จะใช้ร่วมกับ Windows ก็ดี หรือจะใช้กับ iOS ก็ง่าย เปลี่ยนอุปกรณ์เพียงสัมผัส ไม่จำเป็นต้องยกเลิกเชื่อมต่ออุปกรณ์ก่อน
- ดีไซน์ของ Keychron K2 ทำออกมาได้น่าใช้งานมากครับ เป็นคีย์บอร์ดแบบ 75% Layout ที่ตัดส่วนตัวเลขออก ลดพื้นที่ระหว่างปุ่มทำให้มีขนาดเล็กลง วัสดุอย่าง Aircraft Grade Aluminum ก็ถูกนำมาใช้ ไม่เพียงแค่ดูแข็งแรง แต่แข็งแรงจริงๆ
- ทาง Keychron K2 เลือกใช้ Mechanical Switch จากแบรนด์ Gateron ที่มีมาตรฐานระดับสากล มี Switch ให้เลือกถึง 3 แบบ แตกต่างกันในส่วนของน้ำหนักในการกด แรงต้าน และระดับเสียง ตอบโจทย์ทุกรูปแบบการใช้งาน
- Red Switch เป็นชนิด Linear สวิตซ์กดแบบจังหวะเดียว มีเสียงเบาที่สุดเมื่อเทียบกับสวิตซ์สีน้ำเงินและน้ำตาล จะมีแรงต้านน้อยที่สุด กดได้ลื่นนิ้วไม่ต้องออกแรงในการกดมาก เหมาะสำหรับเกมเมอร์และผู้ที่พิมพ์งานทั่วไป
VDO รีวิวสินค้าจริงจาก 425 degree
***ในคลิปจะเป็นสินค้า K2 V.1 ครับ แม้ภายนอกจะต่างกันนิดหน่อยแต่เรื่องการใช้งานสวิตซ์เหมือนกันครับ สามารถดูเพื่อเปรียบเทียบเสียงสวิตซ์ได้
Highlight
- มีแบตเตอรี่ในตัวความจุ 4000 mAh ซึ่งเยอะมากเมื่อเทียบกับคีย์บอร์ดแบรนด์อื่นๆ สามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 5-6 สัปดาห์ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
- N-key rollover (NKRO) ทำให้สามารถกดปุ่มได้พร้อมกันได้มากเท่าตามที่ต้องการ เหมาะสำหรับเกมเมอร์ที่จำเป็นต้องกดหลายปุ่มไปพร้อมๆกัน
- Body คีย์บอร์ดใช้วัสดุ Aircraft Grade Aluminum ที่ใช้กันในอุตสาหกรรมการบิน มีความแข็งแรง ทนทาน
- ขาตั้งคีย์บอร์ดด้านหลังปรับได้ 2 ระดับ เพิ่มทางเลือกให้ผู้ใช้งานปรับระดับความลาดเอียงให้คีย์บอร์ดเข้ากับมือมากขึ้น
- Layout เหมือนกับคีย์บอร์ดบน Macbook / Magic Keyboard ของ Apple ทำให้ใช้ผู้ใช้งาน MacOS สามารถเข้าถึงปุ่ม Multimedia ได้ครบถ้วน
- Minor Change มีการเปลี่ยนแปลงจากรุ่นที่ 1 เพื่อการใข้งานที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- Hot-Swappable เปลี่ยนสวิตซ์ได้ตามรูปแบบการใช้งาน ถอดประกอบง่าย ทำเองได้ที่บ้าน
Mechanical Keyboard
คีย์บอร์ดแบบทั่วไปตามสำนักงานหรือคีย์บอร์ดที่ติดมากับ Notebook ส่วนมากจะเป็นคีย์บอร์ดแบบ Rubber Dome Keyboard ครับ โครงของคีย์บอร์ดทำจากพลาสติก ภายในคีย์บอร์ดจะเป็นแผ่นยางชิ้นเดียว เมื่อเสียจนใช้งานไม่ได้ จะต้องซ่อมโดยเปลี่ยนแผ่นยางทั้งผืน ข้อดีของคีย์บอร์ดชนิดนี้คือเสียงจะเบาเวลาใช้งาน หาซื้อได้ง่ายและราคาถูก อายุการใช้งานจะอยู่ที่ประมาณการกด 1 ล้านครั้ง
ในส่วนของ Mechanical Keyboard จะเป็นคีย์บอร์ดที่ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มเกมเมอร์หรือผู้ที่ต้องการดีไซน์ของคีย์บอดร์และประสบการณ์การใช้งานที่แตกต่าง โดยคีย์บอร์ดรูปแบบนี้จะแยกการทำงานเป็นรายปุ่ม โดยปุ่มแต่ละปุ่มจะถูกเรียกว่าสวิตช์ (Switch) Keychron ได้ใช้สวิตซ์จาก Gateron แบรนด์ผู้ผลิตสวิตซ์มาตรฐานระดับโลก โดยสวิตซ์เหล่านี้มีรูปแบบการทำงานที่แตกต่างกัน ส่งผลต่อระดับความดังของการกดใช้งาน จังหวะในการกด รวมไปถึงแรงที่ใช้งานการกดด้วยครับ โดย Keychrn K2 มีสวิตช์ Gateron ให้เลือกถึง 3 แบบ
สีแดง C1 (Red Switch)
- ชนิด : Linear
- แรงต้าน : 45 ± 15 gf
- ระดับเสียง : เบา
- ความรู้สึกจากการใช้งาน : เป็นสวิตซ์แบบจังหวะเดียว มีแรงต้านไม่มาก กดได้ลื่นนิ้ว สายเกมเมอร์ถูกใจมากๆ เพราะเปลี่ยนนิ้วได้คล่อง จังหวะการกดจะเหมือนการกดคีย์บอร์ดทั่วไปแต่มีความลื่นมืออยู่มาก
สีน้ำเงิน C2 (ฺBlue Switch)
- ชนิด : Clicky
- แรงต้าน : 60 ± 15 gf
- ระดับเสียง : ดัง
- ความรู้สึกจากการใช้งาน : เป็นสวิตซ์แบบสองจังหวะมีแรงสะท้อนกลับ เมื่อกดจะสัมผัสได้ถึงจังหวะแรกและต้องออกแรงเล็กน้อยเพื่อกดไปยังจังหวะต่อไป ป้องกันการกดผิดได้ มีเสียงคลิกเป็นเอกลักษณ์ เหมาะสำหรับการพิมพ์หรือสายเกมเมอร์ที่ชอบกดแบบมีจังหวะ กดแล้วรู้สึกถึงการกด มือไม่ลั่นไปเอง
สีน้ำตาล C3 (Brown Switch)
- ชนิด : Tactile
- แรงต้าน : 55 ± 15 gf
- ระดับเสียง : ดังปานกลาง
- ความรู้สึกจากการใช้งาน : เป็นสวิตซ์แบบสองจังหวะมีแรงสะท้อนกลับ เมื่อกดจะสัมผัสได้ถึงจังหวะแรกและต้องออกแรงเล็กน้อยเพื่อกดไปยังจังหวะต่อไปแต่ไม่เท่ากับสวิตซ์สีน้ำเงิน เสียงดังปานกลาง เหมาะสำหรับสายพิมพ์งานอยากได้คีย์บอร์ดที่มีแรงต้าน แต่ไม่ชอบเสียงดังมากนัก
Keychron K2 V.2 Minor Change
Keychron K2 หลังจากเปิดการขายก็ได้เสียงตอบรับเป็นอย่างดี ตอนนี้ได้พัฒนาและออกเวอร์ชั่นใหม่เพื่อให้การใช้งานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มีอยู่ 4 จุดใหญ่ๆครับ
- Bluetooth 5.1 : บลูทูธ 5.1 ถูกนำมาใช้ใน K2 รุ่นที่ 2 นอกจากช่วยให้การเชื่อมต่อเสถียรและรวดเร็วมากขึ้นจากรุ่นก่อน ยังช่วยประหยัดพลังงานมากขึ้นด้วยครับ
- Inclined bottom frame : พื้นที่ส่วนปุ่มกดของรุ่นเดิมจะเป็นระนาบเดียวกัน หากต้องการความลาดเอียงต้องดันขาตั้งออกมา แต่ในรุ่นใหม่ส่วนปุ่มกดด้านบนจะอยู่สูงและค่อยๆลาดเอียงลงมาแม้ไม่ใช้ขาตั้ง ทำให้การวางมือเหมาะสมมากขึ้น ไม่ต้องงอมือและข้อมือมากเกินไป ส่วนขาตั้งเองก็มีการเพิ่มมาอีก 1 ระดับ เพิ่มทางเลือกให้กับผู้ใช้งาน
- Dedicated caps lock backlight : ในส่วนของรุ่นเก่าเมื่อกดปุ่ม caps lock จะไม่มีสัญญานใดๆบอกสถานะการกด แต่ในรุ่นใหม่ เมื่อกดใช้งาน caps lock จะมีสีแดงติดค้างไว้ เมื่อกดอีกครั้งเพื่อยกเลิกการใช้งาน ไฟสีแดงก็จะดับลงครับ
- Light Grey Colors : K2 ทั้งสองรุ่นสีปุ่มกดจะเป็นสีเทาพื้นฐานมาอยู่แล้วครับ ให้ความรู้สึกแข็งแรง แต่ในรุ่น K2 ตัวสีปุ่มกดจะมีสีเทาอ่อนและเข้มสลับกันอย่างลงตัว โดยปุ่มตัวอักษรจะเป็นสีอ่อน ส่วนปุ่มอื่นๆจะเป็นสีเข้มครับ
Hot-Swappable
ฟังก์ชั่นการ "ถอด เปลี่ยน ปรับแต่ง" สวิตซ์ได้ตามความเหมาะสมกับรูปแบบการใช้งานคีย์บอร์ด อย่างที่ทราบกันว่าสวิตซ์แต่ละสีมีสัมผัสและให้ประสบการณ์การใช้งานคีย์บอร์ดต่างกัน ผู้เล่นเกมอาจชอบสวิตซ์น้ำเงินเพราะจังหวะเข้ามือมากกว่าใช้งานสวิตซ์สีแดง แต่นอกจากเล่นเกม ผู้ใช้คีย์บอร์ดเองก็ต้องการความลื่นในการพิมพ์งาน อยากได้สัมผัสการพิมพ์ที่ตอบรับนิ้วมือเป็นอย่างดี สวิตซ์สีแดงจึงตอบโจทย์กว่า คีย์บอร์ดตัวนี้จึงสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของผู้ใช้งาน นอกจากนั้นการเปลี่ยนสวิตซ์ได้ด้วยตนเอง จึงง่ายต่อการเปลี่ยนสวิตซ์ที่เสียได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องส่งไปยังร้านซ่อมครับ
Product detail
- แบรนด์ : Keychron
- ชื่อรุ่น : K2 V.2 Minor Change
- Layout : ANSI คีย์แคปภาษา TH/ENG
- วัสดุ : Aircraft Grade Aluminum , Plastic ABS
- Mechanical Switch : Gateron Red Switch
- สี : Light Grey Colors
- ขนาด : 31.7 x 12.9 x 3.85 ซม
- น้ำหนัก : 794 กรัม
- Keychron K2 V.2 Minor Change รุ่นนี้ได้รับการพัฒนาจากรุ่นแรกที่มีเสียงตอบรับอย่างล้นหลาม
- คีย์บอร์ดแบบใช้งานไร้สายและมีสาย เชื่อมต่อไร้สายได้สูงสุด 3 อุปกรณ์พร้อมกัน สลับอุปกรณ์ใช้งานได้ง่าย ไม่จำเป็นต้องยกเลิกเชื่อมต่อก่อนเปลี่ยนอุปกรณ์
- ใช้วัสดุคุณภาพอย่าง Aircraft Grade Aluminum อลูมิเนียมเกรดที่ใช้ในอุตสาหกรรมการบิน ที่มีคุณสมบัติแข็งแรง ทนทาน
- คีย์บอร์ด 84 ปุ่ม พร้อมปุ่ม Function Key (ปุ่มF)12 ปุ่ม และปุ่ม Special key เช่น ปุ่มเลื่อนหน้าขึ้น / ลง (Page Up/Down) , Home , End
- คีย์บอร์ดระบบ Mechanical Keyboard จุดเด่นคือมีความคงทนสูง 1 ปุ่มสามารถกดได้ถึง 30-50 ล้านครั้ง เมื่อเสีย สามารถแยกซ่อมปุ่มได้ ไม่ต้องซื้อคีย์บอร์ดใหม่
- ปุ่มโค้งเว้าให้เหมาะสมต่อการวางนิ้วมือ กดได้แม่นยำ
- Hot-Swappable ความสามารถในการเปลี่ยนสวิตซ์ของรุ่นนี้ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งสวิตซ์แต่ละตัวอักษรได้ตามความต้องการ
- ภายในมีแบตเตอรี่ 4000 mAh ซึ่งถือว่าเยอะมากครับสำหรับคีย์บอร์ดแบบไร้สายเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นๆ ระยะเวลาในการชาร์จประมาณ 6 ชั่วโมง
- ใช้งานได้ยาวนานถึง 5-6 สัปดาห์ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการใช้งานด้วยครับ ถ้าเปิดไฟ RGB จะใช้งานได้ประมาณ 60-80 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับรูปแบบไฟที่เปิดและรูปแบบการใช้งานครับ
- ชาร์จและเชื่อมต่อสายเคเบิ้ลผ่านพอร์ต USB-C (ใช้งานร่วมกับสาย USB-C to USB-C ได้) กำลังไฟในการชาร์จรองรับอะแดปเตอร์ USB 5V/1A
- รองรับการชาร์จไฟขณะที่เชื่อมต่อผ่านสาย USB เข้ากับคอมพิวเตอร์ได้ สามารถพิมพ์ไปชาร์จไฟได้ครับ
- ใช้งานได้ทั้งผ่านสายเคเบิ้ลและการเชื่อมต่อไร้สายผ่านสัญญาณ Bluetooth ระยะการเชื่อมต่อสูงสุด 10 เมตร (ในพื้นที่โล่ง)
- รองรับการใช้งานทั้งระบบ Mac, Windows, Android, ios
- หากใช้งาน MacOS / iOS / iPadOS ให้เลื่อนสวิตซ์ไปยังตำแหน่ง Mac/ios
- หากใช้งาน Windows / Android ให้เลื่อนสวิตซ์ไปยัง Win/Android
- ปรับการใช้งานแบบไร้สายและมีสายหรือปิดคีย์บอร์ดง่ายๆเพียงเลื่อนสวิตซ์ให้ตรงกับการใช้งาน โดยสวิสซ์จะอยู่ด้านข้าง มีให้เลื่อน 3 โหมดคือ BT(ฺBluetooth) / OFF(ปิด) / Cable(ใช้งานมีสาย)
- ปุ่ม Mac Layout ติดตั้งมากับคีย์บอร์ด สามารถใช้คีย์ฟังก์ชันได้เหมือน macOS ทั่วไป ในกล่องจะมีปุ่ม Layout เฉพาะของระบบ Windows มาให้ด้วยครับ
- N-key rollover (NKRO) ทำให้สามารถกดปุ่มได้พร้อมกันได้มากเท่าตามที่ต้องการ เหมาะสำหรับเกมเมอร์ที่จำเป็นต้องกดหลายปุ่มไปพร้อมๆกัน
- ไฟ RGB ใต้ปุ่มคีย์บอร์ด ปรับได้ 18 รูปแบบ เพิ่มสีสีนให้กับการใช้งาน
- มีขาตั้งคีย์บอร์ดยกด้านหลังให้สูงขึ้น 2 ระดับ ปรับให้ได้องศาที่เหมาะสมกับการใช้งาน
- แม้ไม่ได้ใช้งานขาตั้ง บริเวณปุ่มกดด้านบนยกสูงขึ้นและลาดเองลงมาอยู่แล้วครับ ช่วยให้องศาการวางข้อมือและมือดีขึ้น ไม่แบนราบจนเกินไป
- มีโหมดประหยัดพลังงาน เมื่อไม่ได้ใช้งานเกิน 10 นาที คีย์บอร์ดจะเข้าสู่ Sleep mode เพื่อประหยัดพลังงาน
- ***ตำแหน่งปุ่มของคีย์บอร์ดอยู่ชิดกันเพื่อให้คีย์บอร์ดมีขนาดเล็กลง อาจต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งเพื่อให้คุ้นชินกับตำแหน่งปุ่มใหม่
- ***เนื่องจากปุ่ม Mechanical Key มีเสียงดังเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว สำหรับใครที่ไม่ชอบเสียงดังมากจะแนะนำตัวสวิตซ์สีแดงครับ แต่ถึงแม้จะเสียงเบาที่สุดก็ยังเสียงดังกว่าคีย์บอร์ดทั่วไป
- ***ระยะเวลาในการใช้งานคีย์บอร์ดขึ้นอยู่กับการใช้งานด้วยครับ ถ้าเปิดไฟ RGB จะใช้งานได้ประมาณ 60-80 ชั่วโมง และขึ้นอยู่กับรูปแบบไฟที่เปิดด้วยครับ
- ***ภายในชุดไม่มีสวิสซ์สีอื่นนอกจากสีที่ติดมากับเครื่องนะครับ หากซื้อสวิตซ์สีแดง ก็จะได้สีเดียวทั้งหมด ทางผู้ใช้งานต้องซื้อสวิตซ์สีอื่นมาเปลี่ยนด้วยตนเองครับ ซึ่งเป็นสวิตซ์แบบ MX Style Mechanical Switches มีหลายแบรนด์ให้เลือก เช่น Gateron, Cherry, Kailh
Gallery
***สินค้าในรูปจะเป็นรุ่น Brown Switch ซึ่งจะมีความต่างแค่สีสวิตซ์เท่านั้น เรื่องดีไซน์ ขนาด และฟีเจอร์มีความเหมือนกันครับ
อุปกรณ์ภายในกล่อง
- Keychron K2 x 1
- ปุ่ม alt เสริมสำหรับชุดคีย์บอร์ดของ Windows x 2
- ปุ่ม Windows เสริมสำหรับชุดคีย์บอร์ดของ Windows x 1
- ปุ่มเปลี่ยน esc สีเทา x1
- ปุ่มเปลี่ยน Light effect key สีส้ม x1
- อุปกรณ์สำหรับถอดเปลี่ยนปุ่มคีย์บอร์ด x1
- อุปกรณ์สำหรับถอดเปลี่ยนสวิตซ์ x1
- สาย USB-A to USB-C x 1
- เอกสารแนะนำการใช้งานเบื้องต้น x1
- คู่มือการใช้งาน ภาษาอังกฤษและจีน x1
ข้อมูลเชิงเทคนิค
- กลไกคีย์บอร์ดแบบ Mechanical
- คีย์บอร์ดจำนวน 84 ปุ่ม
- จำนวนปุ่มมัลติมีเดีย 12 ปุ่ม
- แบตเตอรี่ 4,000 mAh
- ระยะเวลาการชาร์จประมาณ 6 ชั่วโมง
- ชาร์จและเชื่อมต่อสายเคเบิ้ลผ่านพอร์ต USB-C (ใช้งานร่วมกับสาย USB-C to USB-C ได้)
- ชื่ออุปกรณ์ Bluetooth : Keychron K2
- ระยะการเชื่อมต่อสูงสุด 10 เมตร (ในพื้นที่โล่ง)
- อุณหภูมิที่เหมาะสำหรับการใช้งานอยู่ที่ -10 ถึง 50 องศา C
- คีย์บอร์ดจะปิดการทำงานเองเมื่อไม่มีการใช้งานนานกว่า 10 นาที
การเชื่อมคีย์บอร์ดแบบไร้สาย / มีสาย
การใช้งานคีย์บอร์ดแบบมีสาย
- เลื่อนสวิตซ์ด้านข้างคีย์บอร์ดไปยังช่อง Cable
- เสียบสายเชื่อมต่อ USB-A to USB-C ระหว่างคีย์บอร์ดและอุปกรณ์
- หากใช้งานกับ Mac, iPhone, iPad ก็ให้เลื่อนปุ่มมาที่ Mac/iOS หากใช้งานกับ Windows และ Android ให้เลื่อนปุ่มไปยัง Win/Android
- พร้อมใช้งาน
การใช้งานคีย์บอร์ดแบบไร้สายและวิธีการเชื่อมต่อ
- หากใช้งานกับ Mac, iPhone, iPad ก็ให้เลื่อนปุ่มไปยัง Mac/iOS หากใช้งานกับ Windows และ Android ให้เลื่อนปุ่มไปยัง Win/Android
- กดปุ่ม fn + 1 ค้างไว้ 3 วินาที
- ไฟที่ใต้ปุ่มเลข 1 จะกระพริบเป็นสีน้ำเงิน
- เข้าเมนู Bluetooth ของอุปกรณ์ เพื่อทำงานเชื่อมต่อ
- จะเห็นชื่ออุปกรณ์ Keychron K2 ให้ทำการคลิกเพื่อเชื่อมต่อ
- หากเชื่อมต่อเรียบร้อย ไฟสีน้ำเงินจะดับและไฟ RGB ที่คีย์บอร์ดจะปรากฏขึ้น
- หากต้องการเชื่อมต่อกับอุปกรณที่ 2 หรือ 3 ก็ให้กดปุ่ม fn+2 หรือ fn+3 แล้วทำแบบเดียวกัน
- สามารถเปลี่ยนอุปกรร์การเชื่อมต่อได้เลยโดยไม่ต้องปิดการเชื่อม ด้วยการกด fn + ตัวเลขที่ใช้เชื่อมต่อ
วิธีการเปลี่ยนสีและรูปแบบไฟ RGB
- กดปุ่ม Light effect key (รูปหลอดไฟ) เพื่อเปลี่ยนรูปแบบการแสดงไฟ มีให้เลือกถึง 18 แบบ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบคลื่น ไฟไล่จากซ้ายไปขวา บนลงล่าง กระจายออกจากตรงกลาง หรือไฟติดตามปุ่มที่กด
- เปลี่ยนสี โดยการกด fn + >หรือ fn + < เพื่อเปลี่ยนสี มีสีแดง ส้ม เหลือง เขียว ฟ้า น้ำเงิน ชมพู ขาว และรวมสี
- ให้ไฟเปิดค้างโดยการกด fn + end ไฟคีย์บอร์ดจะขึ้นค้าง กดซ้ำเดิมเพื่อเปลี่ยนสี
วิธีการเช็คแบตเตอรี่
- การเช็คแบตเตอรี่ สวิตซ์ต้องอยู่ในโหมดการเชื่อมต่อไร้สาย (BT)
- กดปุ่ม fn + B ระดับแบตเตอรี่จะบอกด้วยสีที่แสดงบนคีย์บอร์ด
- สีเขียว : มากกว่า 70%
- สีน้ำเงิน : 30 – 70%
- สีแดง : น้อยกว่า 30% และไฟที่บริเวณปุ่ม USB-C จะกระพริบ
การเปลี่ยนปุ่ม Mechanical
- ภายในกล่องจะมีอุปกรณ์สำหรับเปลี่ยนปุ่มมาให้
- กางขาอุปกรณ์ออก เสียบลงไปที่ปุ่มตรงๆ ให้ขาล็อคไว้ใต้ปุ่ม จากนั้นดึงขึ้นมาช้าๆ ปุ่มก็จะหลุดออกมา
- การใส่ปุ่มกลับเข้าไป ให้หันด้านที่ถูกต้อง กดลงไปตรงๆให้ลงล็อค (ถ้าด้านไม่ถูกต้อง ปุ่มจะใส่ไม่ลงครับ)
เงื่อนไขการรับประกัน
- ลูกค้าที่ได้รับสินค้า สามารถลงทะเบียนการรับประกันสินค้าผ่าน ลิงก์นี้ ได้เลยครับ ดูรายละเอียดและวิธีการผ่านเพจ KeychronThailand
- ตัวสินค้ารับประกันภายใน 1 ปี ภายใต้เงื่อนไขที่ทางแบรนด์กำหนด โดยความเสียหายที่เกิดจาก Software และไม่รวมถึงความเสียหายที่เกิดจากการใช้งานผิดประเภท
- ในกรณีเกิดความเสียหายจากการใช้งาน สามารถนำส่งซ่อมได้ แต่จะมีค่าบริการตามที่กำหนด
- ทางร้าน 425Degree รับประกันสินค้า 7 วันในความเสียหายที่เกิดจากการผลิตและความเสียหายที่ว่านั้นไม่รวมถึงการกระทำของผู้ใช้งานหรือการใช้งานที่ผิดวิธี โดยลูกค้าจะต้องเก็บกล่องบรรจุภัณฑ์เอาไว้เพื่อใช้ยืนยันในการขอรับประกันครับ
- ***หากมีความเสียหายภายใน 7 วันหลังจากรับสินค้า กรุณาติดต่อกลับมาทางร้าน 425 Degree แต่หากเกิดความเสียหายหลังจากนั้นแต่ไม่เกินระยะเวลา 1 ปี ให้ติดต่อและแจ้งข้อมูลกับทางคีย์ครอนไทยแลนด์โดยตรงครับ KeychronThailand
SKU | AE497-A1-A |
---|---|
แบรนด์ | Keychron |
คอลเลคชั่น | K Series |