วันนี้แอดมินจะมารีวิวความแตกต่าง ระหว่าง Edifier NeoBuds Pro และ Edifier Neobuds S ที่ถือว่าเป็นหูฟังไร้สายสเปกระดับเดียวกัน การใช้งานก็แนวเดียวกัน แต่ถ้าต้องเลือก เลือกตัวไหนดี เราไปดูกันเลยครับ

ดีไซน์และการออกแบบ (Design)

          ทั้ง 2 รุ่นมีรูปร่างกล่องชาร์จและรูปร่างหูฟังที่เหมือนกันเด๊ะๆ จะต่างแค่สีและวัสดุบางจุดเท่านั้น ฝากล่องชาร์จ Edifier Neobuds Pro จะแปะด้วยวัสดุแผ่นโลหะ ยิงโลโก้ Edifier ต่างกับ Neobuds S ที่เป็นยิงสีด้านๆ และทำโลโก้ Edifier เป็นแบบสะท้อนแสงแทน 

          ส่วนไฟ LED ของกล่องชาร์จก็จะแตกต่างกันครับ โดยที่ Edifier Neobuds Pro จะเป็นไฟสีแดง ส่วน Edifier Neobuds S จะเป็นไฟสีขาว แต่ Neobuds S ก็มีกิมมิคเล็กๆให้เราเล่นคือ “ Neobuds S สามารถเปลี่ยนสีไฟ LED กล่องชาร์จได้ในแอปพลิเคชัน Edifier Connect” ซึ่งเปลี่ยนสีไฟได้ 8 สี ได้แก่ สีขาว. สีเหลือง. สีส้ม, สีแดง, สีเขียว, สีฟ้า, สีนํ้าเงิน และสีชมพูครับ

          ส่วนหูฟังก็มีรูปทรงที่เหมือนกันเป๊ะ วัสดุเดียวกัน ต่างกันแค่สีโดยที่ Edifier Neobuds Pro ก้านจะเป็นสีเงินๆ (ตัวสีดำนะ) ดูเนี๊ยบ คลาสสิค ส่วน Edifier Neobuds S จะเป็นสีดำด้าน ยิงโลโก้ Edifier เงาๆมาให้ด้วย ซึ่งให้อารมณ์ดำๆ เท่ๆ แบบดูมีระดับดีครับ

          สำหรับใครที่สงสัยว่า หากเอาหูฟัง Neobuds S มาชาร์จกับกล่องชาร์จ Neobuds Pro ได้ไหม ? ทีมงาน 425Audio ลองแล้ว “สามารถใช้ชาร์จร่วมกันได้ครับ”

425 สรุปชัดๆ : ดีไซน์และการออกแบบ (Design)

 " รูปทรงเหมือนกันทั้งกล่องชาร์จและหูฟัง ต่างกันแค่สี "

"ฝากล่องชาร์จ Neobuds Pro แปะด้วยแผ่นเหล็ก"

"ฝากล่องชาร์จ Neoubuds S เป็นการทำสีด้านๆ ทำโลโก้สีทองเงาๆ"

"Neobuds S เปลี่ยนสีไฟ LED กล่องชาร์จได้ 8 สี" 

"ทั้ง 2 รุ่นสามารถชาร์จแบตฯกับกล่องชาร์จของอีกรุ่นได้"

การเชื่อมต่อ (Connectivity)

          Edifier Neobuds Pro เป็น Bluetooth 5.0 ในขณะที่ Edifier NeoBuds S เป็น Bluetooth 5.2 แต่เท่าที่ทีมงานทดสอบใช้งานทั้ง 2 รุ่นมาพบว่าการเชื่อมต่อสเถียรพอๆกัน เจอติดๆดับๆน้อยมาก อยู่ในระดับปกติของหูฟังไร้สาย true wireless ครับ

          อีกทั้ง 2 รุ่นนี้ยังแตกต่างที่ audio codec ที่ Edifier Neobuds Pro จะรองรับ LHDC และ LDAC ส่วนฝั่งของ Neobuds S จะรองรับเป็น Qualcomm aptX™ Adaptive แทน และเพิ่มเติมด้วยเทคโนโลยีการเข้ารหัสเสียงใหม่ Snapdragon Sound ที่หากใช้กับอุปกรณ์ที่รองรับ จะช่วยให้ได้คุณภาพเสียง สัญญาณการเชื่อมต่อ ความหน่วง และการคุยโทรศัพท์ที่ดียิ่งขึ้นไปอีก ปัจจุบันเทคโนโลยีเสียง Snapdragon Sound จะรองรับเฉพาะสมาร์ทโฟนบางรุ่นที่ใช้ชิพซีพียู Snapdragon Gen 8 ซึ่งเพื่อนๆสามารถเช็คสมาร์ทโฟนที่รองรับ Snapdragon Sound ได้ที่เว็บไซต์ของ Qualcomm ครับ

          ส่วนใครที่สงสัยว่า LDAC กับ aptX™ Adaptive มันต่างกันยังไง ตัวไหนดีกว่า แอดมินสรุปให้เข้าใจง่ายๆว่า ถ้าท่านอยากฟังเพลงความละเอียดสูงอย่าง Tidal HiFi หรือ Apple Music Lossless ได้เต็มรายละเอียดเสียงที่สุด Edifier Neobuds Pro จะตอบโจทย์กว่าเพราะมี LDAC แต่ถ้าเพื่อนๆไม่เน้นฟังเพลง HiRes อยากได้คุณภาพเสียงที่ดีกว่า codec มาตรฐานขึ้นมาหน่อย แต่เน้นเรื่องการเชื่อมต่อที่สเถียรกว่า latency น้อยกว่า แอดมินแนะนำ Neobuds S เพราะตัวนี้มี aptX™ Adaptive ครับ และแน่นอนครับว่า ทั้ง LDAC และ aptX™ Adaptive รองรับเฉพาะผู้ใช้ Android เท่านั้น iOS ณ ปัจจุบันยังไม่รองรับครับ

425Audio สรุปชัดๆ : การเชื่อมต่อ (Connectivity)

"การเชื่อมต่อมีสเภียรภาพดีพอๆกัน"

"ถ้าเน้นฟัง Tidal HiFi, Apple Music Lossless แบบ HiRes Edifier NeoBuds Pro ตอบโจทย์กว่า"

"ถ้าเน้นการเชื่อมต่อเร็วๆ สเถียรๆ เน้นเสียงดีกว่า codec มาตรฐาน ใช้ aptX™ Adaptive ของ Ediifer Neobuds S ตอบโจทย์กว่า"

"Neobuds S รองรับเทคโนโลยีเสียง Snapdragon Sound ใข้ได้เฉพาะอุปกรณ์ที่รองรับ"

การสวมใส่ (Fitting)

          ทั้ง Edifier Neobuds Pro และ Edifier Neobuds S เป็นหูฟังทรง in-ear หรือทรงสอดหู เท่าที่ทีมงาน 425Audio ทดสอบสวมใส่ก็ต้องบอกเลยว่าใส่สบายแทบไม่ต่างกันเลย อาจจะเพราะด้วยขนาดและกายภาพของหูฟังทั้ง 2 รุ่นนั้นเหมือนกันเป๊ะๆ ทำให้เวลาเราสวมใส่แทบจะไม่รู้สึกต่างกัน หากใครใช้ Edifier Neobuds Pro อยู่แล้ว ก็ต้องบอกเลยว่า Edifier Neobuds S ก็ให้ความรู้สึกตอนสวมใส่สบายไม่ต่างกันครับ

          ในเรื่องของการสวมใส่ออกกำลังกาย ทั้ง Edifier NeoBuds Pro และ Edifier NeoBuds S สามารถกันฝุ่นและเหงื่อได้ในระดับ IP54 ซึ่งสามารถสวมใส่วิ่งออกกำลังกายในชีวิตประจำวันได้ ใส่กระชับ และได้ยินเสียงเท้าตัวเองตอนวิ่งน้อยมากจนอยู่ในระดับที่ไม่กวนใจนักครับ

425Audio สรุปชัดๆ : การสวมใส่ (Fitting)

"กายภาพเหมือนกัน สวมใส่สบายพอๆกันทั้งคู่"

"ใส่ออกกำลังกายได้ กันเหงื่อ IP54 ใส่วิ่งไม่ค่อยได้ยินเสียงลงส้นเท้าทั้งคู่"

โหมดตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancelling

          ในส่วนของโหมดตัดเสียงรบกวน active noise cancelling ทั้ง Edifier Neobuds Pro และ Edifier Neobuds S (ในโหมด High-noise cancellation) ตัดเสียงรอบข้างได้เงียบระดับเดียวกันเลย เช่นเดียวกับโหมดดูดเสียง ambient sound ก็ให้คุณภาพเสียงได้ชัด และฟังดูอย่างเป็นธรรมชาติเหมือนกัน แต่ข้อดีของ Edifier NeoBuds Pro คือสามารถปรับระดับความไวของโหมดดูดเสียง ambient sound ได้ ในขณะที่ Edifier NeoBuds S ได้แค่เปิด-ปิด ปรับระดับไม่ได้ครับ

          แต่จุดที่ทำให้ Edifier NeoBuds S ดูน่าสนใจกว่า Edifier Neobuds Pro คือมันมีโหมดตัดเสียงลม Wind-Reduction ซึ่งมันคือโหมดตัดเสียงรบกวน active noise cancelling นี่แหละ เพียงแต่ในโหมดนี้มันสามารถตัดเสียงลมขณะเราใส่ใช้งานที่มีกระแสลมได้ ซึ่งช่วยแก้ปัญหาผู้ที่ชอบเปิดโหมด anc ข้างนอกบ้านแล้วได้ยินเสียงลมพึบๆพับๆ เปิดโหมดตัดเสียงลม Wind-reduction ตัวนี้แล้ว ได้ทั้งตัดเสียงรบกวนรอบข้างในแบบที่ไม่ได้ยินเสียงลมรั่วเข้ามาในหูฟังเลย ซึ่งจุดนี้ Neobuds S ดูตอบโจทย์กับผู้ที่ชอบใส่เปิดโหมด anc ข้างนอกบ่อยๆ แต่ก็มีจุดสังเกตุว่าในโหมดตัดเสียงรบกวน WInd-Reduction นั้น ตัดเสียงรบกวนได้ไม่เงียบเท่าโหมด High-noise แต่ก็อยู่ในระดับที่เงียบเพียงพอต่อการฟังเพลงในที่ๆมีเสียงรบกวนเยอะๆครับ

425Audio สรุปชัดๆ : โหมดตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancelling

"Edifier Neobuds Pro และ Edifier Neobuds S โหมด ANC ตัดเงียบพอๆกัน"

"Edifier NeoBuds Pro ปรับความดังของโหมดดูดเสียง ambient sound ได้ Ediifer Neobuds S ได้แค่เปิด-ปิดโหมด"

"Edifier Neobuds S มีโหมดตัดเสียงลม Wind-Reduction ในขณะที่ Edifier NeoBuds Pro ไม่มีโหมดนี้"

ดูหนังและเล่นเกม (Movie & Gaming)

          ในส่วนของการดูหนัง ทั้ง Edifier Neobuds Pro และ Edifier Neobuds S แทบไม่รู้สึกดีเลย์เลยบน Youtube, Netflix และ Disney+ สามารถใช้ดูได้อย่างลื่นตาเสียงตรงปากโดยที่ไม่จำเป็นต้องเปิด Game Mode เลยครับ

          ในส่วนของการเล่นเกมจำเป็นต้องเปิด Game Mode เพื่อลดเสียงหน่วงขณะเล่นเกม ทั้ง Edifier NeoBuds Pro และ Edifier NeoBuds S เล่นเกมดีเลย์น้อยทั้งคู่ทั้ง iOS และ Android ทีมงาน 425Audio พยายามจับผิดก็แทบไม่รู้สึก ดีเลย์น้อยแบบพอๆกันมากจนบอกยากเลยครับ

425Audio สรุปชัดๆ : ดูหนังและเล่นเกม (Movie & Gaming)

"ทั้ง 2 รุ่น ใช้ดูหนังบน Netflix, DIsney+ ได้ลื่นๆ เสียงตรงภาพ"

"ทั้ง 2 รุ่น  เล่นเกมดีเลย์น้อยจนแทบจะไม่รู้สึกเมื่อเปิด Game Mode ทั้ง iOS และ Android"

การคุยโทรศัพท์ (Call Quality)

          อันนี้ต่างอย่างชัดเจนมากๆถ้าเทียบในเรื่องของไมค์คุยโทรศัพท์ จากที่ทีมงาน 425Audio ทดสอบพบว่า Edifier NeoBuds Pro และ Edifier NeoBuds S จะค่อนข้างดีอย่างเสียอย่าง ซึ่งทีมงานขอสรุปดังนี้ครับ

          ถ้าเพื่อนๆเน้นเสียงพูดไมค์ชัดๆ เนี๊ยบๆ และตัดเสียงรบกวนขณะคุยโทรศัพท์ได้สะอาดเงียบ แบบที่ปลายสายสามารถฟังเสียงพูดเราได้ง่ายและสบาย Edifier NeoBuds Pro จะทำตรงนี้ได้ดีกว่า แต่มีจุดสังเกตุคือเสียงปลายสายจะไม่ได้เสียงดังลั่นมาก แต่จัดอยู่ในระดับที่ดังและฟังได้อย่างพอดีๆครับ

          แต่ถ้าเพื่อนๆเน้นฟังเสียงปลายสายดังๆ ขอเสียงพูดผ่านไมค์แค่ฟังรู้เรื่อง ตัดเสียงรบกวนรอบข้างได้ดีในระดับที่ปลายสายยังฟังเสียงเราได้ง่าย Edifier NeoBuds S จะตอบโจทย์กว่า นั่นเองครับ

          แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เรื่องการคุยโทรศัพท์ ทั้ง 2 รุ่น ก็จัดว่าเป็นหูฟังไร้สาย true wireless ที่คุยโทรศัพท์ชัด ใช้งานในชีวิตประจำวันได้สบายๆครับ

425Audio สรุปชัดๆ : การคุยโทรศัพท์

"Edifier Neobuds Pro ไมค์ชัด และตัดเสียง noise ได้สะอาดกว่า"

"Edifier NeoBuds S เสียงปลายสายดังกว่ามาก ไมค์และการตัดเสียง noise เป็นรอง Edifier Neobuds Pro อยู่เล็กน้อย"

คุณภาพเสียง (Sound Quality)

 ทั้ง 2 รุ่นยังให้คาแรคเตอร์เสียงตามสไตล์ของ NeoBuds แต่จากที่ทีมงานฟัง ทั้ง 2 รุ่น ตอบสนองต่อเสียงได้ต่างกัน ทำให้ได้อารมณ์การฟังที่ได้แตกต่างกันครับ

          Edifier NeoBuds Pro เสียงจะออกแนวกระหึ่ม เร้าใจ อิมแพ็คหนัก มีความใสจัดจ้าน เบสออกเป็นลูกที่ให้อารมณ์บู๊ล้างผาล และให้เสียงแหลมที่มีสีสัน หัวเสียงคมขึ้นขอบ ปลายเสียงมีประกายเยอะ ซึ่งถ้าใครชอบฟังเสียงแนวมันส์ๆ ชอบเสียงย่านแหลมจัดๆ เบสกระแทกกระทั้นอย่างสะใจ Edifier NeoBuds Pro เหมาะกับท่านครับ

          ส่วน Edifier NeoBuds S จะออกแนวกระหึ่มเหมือนกัน แต่เป็นความกระหึ่มในระดับที่สุขุมและคุมระดับตัวเองได้ดีกว่า มีอิมแพ็คระดับปานกลางที่ฟังสบายกว่าตัว NeoBuds Pro เสียงร้องจะเด่นชัด อิ่มหวาน และเสียงแหลมจะลดทอนความจัดจ้านลง ให้ความรู้สึกที่เนียนและฟังสบายมากขึ้น และหางเสียงแหลมมีประกายเล็กๆน้อยๆพอเป็นสีสัน ซึ่งถ้าใครชอบฟังเสียงแนวฟังสนุกแบบไม่กระแทกหูมากนัก ชอบเสียงแหลมมนๆเนียนๆ เน้นฟังนานๆก็ยังสบายไม่ล้าหูเร็ว เสียงของ Edifier NeoBuds S น่าจะเหมาะกับท่านครับ

          ส่วนเรื่องฟีเจอร์การปรับ EQ ในแอปพลิเคชัน Edifier Connect ทั้ง Edifier NeoBuds Pro และ Edifier NeoBuds S ก็ปรับจูน EQ ได้ละเอียดเหมือนกันเลยครับ เรียกว่าใช้ระบบ EQ แบบเดียวกัน ต่างกันแค่หน้าจอ UI ของแอปพลิเคชันเท่านั้นเอง แต่ด้วยการตอบสนองของเสียงที่ต่างกัน จึงทำให้การปรับ EQ ให้เสียงที่แตกต่างกันแม้จะบูสในย่านเสียงเดียวกันในระดับ Q-bandwidth เดียวกันครับ

425Audio สรุปชัดๆ : คุณภาพเสียง

"เสียงคาแรคเตอร์เดียวกัน ต่างกันแค่การตอบสนองของเสียงที่ให้อารมณ์การฟังที่แตกต่างกัน"

"Edifier NeoBuds Pro ตอบโจทย์คนชอบเบสที่หนักหน่วง กระแทกไม่ยั้ง เสียงร้องใส เสียงแหลมคมใสจัดจ้าน เน้นฟังสนุกที่สุด สายบู๊"

"Edifier NeoBuds S ตอบโจทย์คนชอบเสียงแนวฟังสนุกที่เบสไม่กระแทกมาก ชอบเสียงเนียนๆ หวานๆ ฟังสบายไม่ล้าหูเร็ว"

"ใช้ระบบการปรับ EQ เดียวกัน ปรับ EQ ได้ละเอียดและแม่นยำเหมือนกัน"

สรุปตัวไหนดี ? (Conclusion)

          ถ้าในแง่ของฟีเจอร์การใช้งาน ทั้ง Edifier NeoBuds Pro และ Edifier NeoBuds S แทบจะไม่ต่างกันเท่าไหร่ ยกเว้นเรื่องของการใช้คุยโทรศัพท์ ที่หากท่านใดซีเรียสเรื่องความชัดของเสียงพูดต้องเนี๊ยบ ตัด noise ต้องดี Edifier NeoBuds Pro ตอบโจทย์ แต่ถ้าใครเน้นเสียงปลายสายดังๆ เสียงพูดกับการตัด noise ขอแค่ฟังรู้เรื่องก็พอแล้วอยากใช้โหมดตัดเสียงลม Wind-reduction เพื่อที่เวลาเปิดโหมดตัดเสียงลมข้างนอกจะได้ไม่ได้ยินเสียงลมรั่วเข้ามาในหูฟัง Edifier NeoBuds S ตอบโจทย์ครับ

          แต่พอมาพูดถึงเรื่องของ “คุณภาพเสียง”ก็ต้องบอกเลยว่าทั้ง Edifier NeoBuds Pro และ Edifier NeoBuds S จะต่างกันพอสมควร ถ้าใครชอบแนวเสียงที่รุกเร้า อิมแพ็คหนัก เสียงแหลมคมใสจัดจ้านสว่างจ้าเลย Edifier NeoBuds Pro จะตอบโจทย์ได้ดีกว่า แต่ถ้าใครชอบแนวเสียงที่เบสพอดีๆ โทนเสียงเนียนๆ เสียงแหลมไม่คมมากแต่ฟังกำลังสบาย Edifier NeoBuds S ตอบโจทย์มากครับ

ตารางสรุปการเปรียบเทียบ

Edifier NeoBuds Pro VS Edifier NeoBuds S

สนใจสั่งซื้อ Edifier NeoBuds Pro และ Edifier NeoBuds S

คลิกด้านล่างได้เลยครับ