Nothing Ear (2) 

หูฟังไร้สาย True Wireless คุณภาพเสียงระดับ Hi-Res Audio 

ให้น้ำเสียงได้อย่างแม่นยำสมจริง

425AUDIO สรุปชัดๆ

• Nothing Ear (2) หูฟังไร้สาย True Wireless ระดับท็อปคลาสที่มาพร้อมความไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือนทั้งเรื่องดีไซน์ คุณภาพเสียง คุณภาพฟีเจอร์ที่ครบครันในแบบฉบับความพรีเมี่ยมสมบูรณ์แบบและล้ำสมัย 
• ในรุ่นนี้มีจุดเด่นที่เรื่องคุณภาพเสียงหรือโทนเสียงที่แม่นยำคมชัดในแบบที่ให้ความรู้สึกในการฟังรายละเอียดเสียงได้แบบเฉียบขาด ด้วยไดร์เวอร์ขับเสียงขนาด 11.6 มม. เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบหูฟังไร้สายที่ให้รายละเอียดเสียงได้ครบถ้วน เพราะว่าในรุ่นนี้รองรับการฟังแบบ Hi-Res Audio (LHDC) ที่ 24Bit/192 kHz. ทางทีมงานเองถือว่าเป็นหูฟังเสียงดีอีกรุ่นที่คุ้มค่ากับราคาครับ
• Nothing Ear (2) สามารถปรับโปรไฟล์เสียงในแบบส่วนตัวได้ (Personal Sound) โดยการจูนหูภายในแอพฯ Nothing X ทำให้คุณภาพของเสียงนั้นตอบรับการใช้งานของแต่ละบุคคลได้ดียิ่งขึ้น 
• นอกจากนั้นยังรองรับในเรื่องระบบตัดเสียงรบกวนแบบ Smart Active Noise Cancelling ที่ตัดเสียงรบกวนได้สูงสุด 40dB. และสามารถเลือกปรับ Adaptive Mode ได้ โดยตัวหูฟังจะมีการคำนวนและปรับแต่งระบบตัดเสียงรบกวนให้โดยอัตโนมัติหรือเราสามารถปรับแต่งได้เองแบบแมนนวลที่ 3 ระดับ (น้อย,กลาง,สูง) และรองรับโหมดรับเสียงภายนอก (Transparency Mode)
• สำหรับในรุ่นนี้นั้นสามารถควบคุมมัลติมีเดียได้ง่ายและไม่ลั่นหรือเผลอไปกดแบบไม่ได้ตั้งใจได้ง่ายด้วยการดีไซน์ปุ่มกดที่รองรับกับสรีระและสามารถปรับแต่งการควบคุมได้อย่างครบถ้วนด้วยตัวเอง
• การเชื่อมต่อ Nothing Ear (2) เป็นระบบบลูทูธเวอร์ชั่น 5.3 (Bluetooth) และรองรับการเชื่อมต่อพร้อมกัน 2 อุปกรณ์แบบ Dual-Connection
• สำหรับใครที่ต้องใช้หูฟังที่เน้นการคุยโทรศัพท์หรือประชุมงานในแบบพรีเมี่ยม Nothing Ear (2) ก็สามารถใช้งานได้เต็มรูปแบบด้วยไมโครโฟนถึงข้างละ 3 ตัว ที่จับเสียงพูดได้คมชัด เสียงใส ควบคู่การตัดเสียงรบกวนรอบข้างที่ใช้งานได้อย่างลงตัว
• สำหรับคอหนัง หรือสายใช้งานดู Youtube, เล่นเกมทั่วไป ในรุ่น Nothing Ear (2) ก็ใช้งานได้อย่างแทบไม่รู้สึกดีเลย์เช่นกันด้วยการรองรับโหมดความหน่วงต่ำ

Product Highlight :

• ดีไซน์และการออกแบบแนวโปร่งใสสุดไอคอนนิคของแบรนด์
• โหมดตัดเสียงรบกวน Smart Active Noise Cancelling ตัดเสียงรบกวนได้สูงสุดถึง 40 เดซิเบล
• มีโหมด Envirotment Adaptive ANC ตัดเสียงรบกวนแบบ real-time ตามเสียงรบกวนสภาพแวดล้อม
• โหมดฟังเสียงรอบตัวผ่านหูฟัง Ambient Mode
• รองรับการเชื่อมต่อแบบ Google Fast-Pair
• รองรับระบบสลับการเชื่อมต่อ Microsoft Swift Pair
• รองรับการเชื่อมต่อ 2 อุปกรณ์พร้อมกัน (Dual-connection)
• หูฟังกันนํ้าระดับ IP54 เคสชาร์จกันนํ้าได้ในระดับ IP55
• เชื่อมต่อด้วย Bluetooth 5.3 เวอร์ชั่นล่าสุด
• รองรับ LHDC ชุดคำสั่งระดับสูง สามารฟังเพลงที่มีความละเอียดระดับ Hi-Res ผ่านสัญญาณไร้สายได้
• ไมโครโฟนสนทนาสายข้างละ 3 ตัว พร้อมระบบตัดเสียงรบกวนขณะสนทนา Clear Voice Technology 2.0 
• ไดร์เวอร์ไดนามิคขนาด 11.6 มม. ดีไซน์พิเศษ dual-chamber อากาศไหลเวียนได้ดีขึ้น เสียงมีความใสมากขึ้น
• ฟังเพลงต่อเนื่องได้สูงสุด 6.3 ชม. ต่อรอบ เมื่อใช้งานแบบปิดโหมดตัดเสียงรบกวน ANC
• ใช้งานได้รวมสูงสุด 36 ชม.เมื่อใช้งานร่วมกับกล่องชาร์จ
• รองรับแอปพลิเคชัน Nothing X (iOS & Android)
• สามารถใช้งานแยกข้างได้

Sound Review (เป็นความคิดเห็นของทีมงาน 425AUDIO นะครับ)

เสียงเบส

• เสียงย่านต่ำหรือเบสของ หูฟังไร้สาย True Wireless Nothing Ear (2) นี้ถือว่าเป็นแนวเสียงที่กระชับแต่ยังได้ความแน่นและความกระแทกกระทั้นที่รับรู้ในการฟังได้ง่ายๆครับ โดยเนื้อเสียงกระเดื่องจากกลอง(Kick) หรือพวกกีตาร์เบส(E.Bass) จะมีเนื้อหนังที่ชัดเจนและเคลียร์ แต่โดยรวมแล้วจะไม่ได้ตอบสนองในแบบที่ลงไปลึกถึงความถี่ต่ำๆแบบ Subbass ได้ดีขนาดนั้น ทำให้การฟังโดยรวมมีความรู้สึกที่เคลียร์และแน่นกำลังดี ไม่อึดอัดจนเกินไปครับ

เสียงกลาง

• เสียงกลางของ Nothing Ear (2) เป็นหูฟังไร้สาย True Wireless ที่มีความชัดเจนในการตอบสนองของพวกเสียงร้องได้โดดเด่น เนื้อเสียงของนักร้องทั้งชายและหญิงล้วนมีความชัดเจนของคำร้องที่ดีและให้ทิศทางการฟังที่รู้สึกพุ่งมาทางด้านหน้าวงได้ดีครับ ทำให้เราโฟกัสคำร้องได้ไม่ยากเลยแม้ว่าจะฟังเพลงสไตล์ที่เครื่องดนตรีทับถมกันเยอะๆ หากเพื่อนๆชื่นชอบรายละเอียดโทนเสียงของย่านเสียงกลางที่ชัด เสียงร้องและรายละเอียดดนตรีเป็นธรรมชาติ Nothing Ear (2) ตอบโจทย์แน่นอนครับ

เสียงแหลม

• ในย่านเสียงสูงหรือแหลมของ Nothing Ear (2) นี้ถือว่าออกไปในโทนที่เฉียบคม มีข้อดีสำหรับการฟังสำหรับนักฟังที่ชื่นชอบหูฟังรายละเอียดจัดจ้านได้ดีครับ เพราะทำให้เราโฟกัสเสียงรายละเอียดเล็กๆน้อยๆอย่างเช่นเสียงฉาบแฉ(Hi-Hat,Ride) ในพวกเพลงสไตล์ Jazz ได้ง่ายและชัดเจน แต่จะมีจุดพิจารณาเมื่อนำไปฟังกับเพลงร๊อคหนักๆ ร๊อคสาดๆ เพราะตัวหูฟัง Nothing Ear (2) จะให้การตอบสนองของพวกเสียงกีตาร์หรือเสียงฉาบแฉที่ดุดันมากเกินไป สำหรับทีมงาน 425AUDIO เองมองว่าเป็นโทนเสียงที่ดุดันมากไปหน่อย ทำให้การฟังในระยะยาวมีความจิกกัดหูมากเกินไปครับ 

สรุป

• สำหรับ Nothing Ear (2) นี้ถือว่าให้โทนเสียงโดยรวมออกมาในแบบที่เฉียบขาด คมชัด โทนใส ช่วยให้การฟังเพลงกับสไตล์แบบ Mainstream หรือเพลงทั่วไปนั้นสามารถใช้งานได้อย่างลงตัว ให้ความรู้สึกถึงรายละเอียดเสียงดนตรีที่ฉูดฉาด ฟังสนุก
• แต่หากเพื่อนๆเป็นบุคคลที่ชอบฟังแนวเสียงแบบฟังสบายในระยะเวลานานๆ Nothing Ear (2) รุ่นนี้อาจจะไม่ได้ตอบโจทย์ได้ดีในแบบนั้น ซึ่งจากประสบการณ์ของทีมงานเองแล้วต้องไป Custom EQ ในย่านเสียงแหลมหรือ Treble ให้ลงมาหน่อย ถึงจะช่วยได้ในระดับนึงครับ
• สำหรับเพื่อนๆที่สนใจ สามารถเข้าไปลองฟังเสียงได้ที่ 425Flagship Store ที่ Central World ชั้น 4 ได้เลยครับ

ประสบการณ์ใช้งานจริงจากทีมงาน 425AUDIO

ดีไซน์ คุณภาพวัสดุ ฟิลลิ่งการใช้งาน

• สำหรับ Nothing Ear (2) รุ่นนี้ถือว่าเป็น หูฟังไร้สาย True Wireless ที่มีดีไซน์ที่ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือนแน่ๆ เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบความพรีเมี่ยมของวัสดุและการดีไซน์แบบเนี๊ยบๆมากๆ เพราะวัสดุของเขาสามารถให้ฟิลลิ่งการจับต้องหรือการเล่นที่หรูหรากับสัมผัสมือหรือสัมผัสได้ถึงวัสดุที่พรีเมี่ยมดีมากๆครับ สำหรับใครที่ต้องการความยูนีคสูง ยังไงเจ้า Nothing Ear (2) ก็เป็นหูฟังไร้สาย True Wireless ที่ตอบโจทย์

การสวมใส่

• สำหรับ Nothing Ear (2) นี้เป็นแบบทรง In-Ear ครับ ตัวหูฟังมาพร้อมบอดี้ที่มีน้ำหนักเบา 4.5 กรัม และมีขนาดของบอดี้ที่ไม่ได้เล็กและใหญ่จนเกินไป ช่วยให้ตัวหูฟังสามารถสวมใส่ได้อย่างสบายในระยะเวลานานครับ
• ทางทีมงาน 425AUDIO มีโอกาสลองใช้ฟังเพลง รวมถึงการใส่ประชุม Meeting Online เกิน 2 ชม.ขึ้นไป ก็ยังรู้สึกว่ายังสวมใส่ต่อไปได้โดยไม่ได้รู้สึกถึงความอึดอัดมากนัก ซึ่งโดยรวมแล้วถือว่าเป็นหูฟังแบบ In-Ear ที่ยังคงความสะดวกสบายในการสวมใส่ได้อยู่ครับ

การเชื่อมต่อ

• การใช้งานของรุ่นนี้เองนั้นต้องบอกว่าเป็น หูฟังไร้สายที่ให้เทคโนโลยีมาครบครันและล้ำสมัย ณ ปัจจุบันครับ โดยการเชื่อมต่อนั้นเป็น Bluetooth 5.3 ที่รองรับการใช้งานแบบต่อได้พร้อมกัน 2 อุปกรณ์ (Dual-Connection) รวมถึงรองรับฟีเจอร์ช่วยเหลือการเชื่อมต่ออาทิเช่น Google Fast Pair, Swift Pair ที่สามารถกดเชื่อมต่อได้ง่ายๆ เมื่ออุปกรณ์ที่รองรับเปิดบลูทูธพร้อมใช้งาน ซึ่งโดยรวมที่ทีมงานได้ลองใช้งานมาต้องบอกว่า หาจุดติยากมากๆ

การคุยโทรศัพท์

• สำหรับ Nothing Ear (2) นั้นมาพร้อมไมโครโฟนถึงข้างละ 3 ตัวครับ เท่าที่ 425AUDIO ใช้งานจริงต้องยอมรับว่า หากเป็นสถานที่ Indoor เสียงรบกวนไม่เยอะมาก ตัวไมค์สามารถใช้คุยได้แบบคมชัด คุยง่ายเลยครับ เรียกได้ว่ายังไงก็ไม่มีปัญหา
• แต่สำหรับพื้นที่การใช้งานแบบ Outdoor ที่บรรยากาศรอบข้างนั้นเสียงดังจริงๆ นั้นอาจมีจุดพิจารณาในเรื่องของเสียงรอบตัวที่รอดเข้ามาให้กวนใจอยู่บ้าง พร้อมกับเสียงพูดของเราที่ยังคงชัดเจน ไม่วูบวาบ ซึ่งโดยรวมแล้วยังถือว่าคุยรู้เรื่อง แต่อาจทำให้การคุยนั้นยากขึ้นมาเล็กน้อย ถ้าหากเปรียบเทียบกับพวกหูฟังที่ตัดเสียงรบกวนขณะคุยโทรศัพท์ตัวท๊อปๆอย่าง SONY WF-LS900N LINKBUDS S , Jabra Elite 7 Pro ถือว่าการตัดเสียงรบกวนของ Nothing Ear (2) ยังเป็นรองอยู่ครับ

ดูหนัง & เล่นเกมส์

• ทางทีมงาน 425AUDIO  มีโอกาสได้ทดลองนำไปใช้ในชีวิตประจำวันทั้ง Youtube,Netflix สามารถใช้งานได้แบบไม่มีปัญหาครับ โดยที่การใช้งานจริงแบบมองด้วยตาเปล่านั้นต้องยอมรับว่าจับผิดว่าดีเลย์ไม่ทันจริงๆ พวกคลิปเสียงพูดตอบสนองได้แม่นยำเสียงตรงกับปากหรือเป็นคลิปคอนเสิร์ต ก็ได้ความแม่นยำของเสียงที่ตรงดีครับ 
• รวมถึงการใช้เล่นเกมออนไลน์อย่างเช่นเกม PubG ก็รู้สึกว่าตัวหูฟัง Nothing Ear (2) ตอบสนองการกดยิงปืนได้อย่างทันท่วงที โดยแทบไม่รู้สึกว่าดีเลย์ถ้ามองด้วยตาเปล่า รวมถึงเสียงมิติในเกมที่ให้เสียงฝีเท้าของศัตรูได้แบบ Real-Time แม่นยำมากๆครับ

425Gallery

วิธีการใช้งาน (How To Use)

วิธีเชื่อมต่อ 

• เปิดกล่องชาร์จและกดปุ่ม Pairing ที่เคสชาร์จค้างไว้ จนสถานะไฟสีขาวกระพริบช้าๆ
• เปิดบลูทูธบนโทรศัพท์
• เลือกเชื่อมต่อบลูทูธกับชื่อบลูทูธ Nothing Ear (2)

การเชื่อมต่อ 2 อุปกรณ์

• เชื่อมต่อบลูทูธกับโทรศัพท์
• เข้าแอพฯ Nothing X
• เข้าไปที่เมนูการตั้งค่า (รูปฟันเฟืองมุมขวาบน)
• แล้วไปที่เมนู Dual Connection
• เลือกเปิดการใช้งาน Dual Connection และหูฟังจะทำการรีเซ็ท 1 ครั้ง
• *** ควรอัพเดท Firmware หูฟังให้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดก่อน ***

การควบคุมมัลติมีเดีย

• เปิดหูฟัง : เปิดเคสชาร์จเพื่อเปิดหูฟังอัตโนมัติ
• ปิดหูฟัง : เก็บหูฟังลงกล่องชาร์จและปิดฝา
• หยุด-เล่นเพลง : บีบ 1 ครั้ง
• รับ-วางสาย : บีบ 1 ครั้ง
• ปฏิเสธสาย : บีบ 2 ครั้ง
• Noise Control (โหมดตัดเสียงรบกวน, รับเสียงภายนอก) : บีบค้าง
• ย้อนเพลงกลับ : บีบ 3 ครั้ง
• *** สามารถตั้งค่าเพิ่มเติมได้ในแอพฯ ***

วิธีรีเซ็ท

• เก็บหูฟังทั้งสองข้างลงกล่องชาร์จ และเปิดฝาเคสชาร์จ
• กดปุ่ม Pairing ที่เคสชาร์จ ค้างไว้ประมาณ 10 วินาที
• จะมีไฟสถานะสีแดงกระพริบ 3 ครั้ง
• เสร็จขั้นตอนการรีเซ็ท

Warranty (เงื่อนไขการรับประกัน)

• สินค้ารับประกัน 1 ปี เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัท 425DEGREE กำหนด
• *** ในส่วนของอะไหล่,สายชาร์จ,เคสชาร์จ ที่มากับตัวหูฟังจะมีระยะประกันอยู่ที่ 7 วัน ***
• คุณลูกค้าต้องเก็บตัวสินค้าไว้ให้ครบไม่ว่าจะเป็น กล่อง/ซองแพคเกจจิ้ง, ตัวหูฟังทั้งสองข้าง, กล่องชาร์จ, สายชาร์จ ,จุกหูฟังซิลิโคนทุกแบบ, ซองผ้า
• หากตัวสินค้าเสียหายจากขั้นตอนการผลิตของทางโรงงาน เปลี่ยนตัวใหม่ให้ทันที
• สินค้าต้องไม่มีตำหนิจากการใช้งานผิดวิธี, ตำหนิเสียหายจากการใช้งานของลูกค้า, ร่องรอยการกระแทก หรือการขูดขีดอย่างรุนแรง
• หากเป็นปัญหาจากการใช้งานของคุณลูกค้าไม่ว่าจะเป็น แตก, หัก, บิดเบี้ยวจนผิดรูป, นํ้าเข้าในแผงวงจรอิเล็คทรอนิค , เบิร์นหูฟังผิดวิธี(ใช้แอพเบิร์นหรือคลื่นเสียงประเภท Sine Sweep, Pink Noise, White Noise) จนหูฟังเสียหาย จะไม่อยู่ในเงื่อนไขการรับประกัน
• ปัญหาการคุยโทรศัพท์แล้วเป็นเสียงที่คุยไม่รู้เรื่อง แต่เมื่อเปิด-ปิดตัวหูฟังอีกรอบแล้วสามารถคุยได้ตามปกติ จะไม่อยู่ในเงื่อนไขการรับประกัน
• อาการกระตุกของสัญญาณขณะใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีสัญญาณของอุปกรณ์ไร้สายเยอะๆ เช่นบนสถานีรถไฟฟ้า,ออฟฟิตขนาดใหญ่ ***เช่น กำลังฟังเพลงอยู่แล้วสัญญาณขาดหายแล้วกลับมาเป็นปกติ *** ซึ่งจะไม่อยู่ในเงื่อนไขการรับประกัน
• หากตัวหูฟังหรือชิ้นส่วนของกล่องชาร์จเสียหรือชำรุด ที่เกิดจากการใช้งานไปแล้วเกินกว่า 7 วัน จะไม่อยู่ในเงื่อนไขการรับประกัน
• สินค้ารุ่นนี้มีมาตรฐานการกันน้ำ ระดับ IP54 กล่าวคือ ตัวหูฟังสามารถกันฝุ่นจากการใช้งานนอกสถานที่ และเหงื่อเล็กน้อยจากการออกกำลังกายเท่านั้น **หากสินค้าจมนํ้า หรือเจอปริมาณนํ้าเยอะเกินกว่ามาตรฐาน จนเป็นเหตุทำให้หูฟังเสียหาย จะถือว่าใช้งานผิดวิธี และจะไม่อยู่ในเงื่อนไขการรับประกัน
• ข้อมูลระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ของหูฟัง จะแปรผันตามการใช้งานของแต่ละบุคคล