• การเล่นเกม ดีงามตามสไตล์หูฟังเกมมิ่งครับ
  เรื่องมิติเสียงต่างๆเหมาะกับการเล่นเกม โดยเฉพาะเกมที่เน้นฟังเสียงทิศทางต่างๆ จับความตื้น-ลึก จับทิศทางซ้าย-ขวาแม่นยำครับ หรือเอาไปใช้เล่นเกมสไตล์อื่นก็ให้ซุ่มเสียงที่สะใจ และในรุ่น H7 , H9 มีโทนเสียงที่หนานุ่มขึ้น เบสแน่นขึ้น ทำให้ยิ่งเล่นได้มันสะใจยิ่งขึ้นครับ

• กับโหมด 360 Spatial Sound ที่ดีงาม
  จะบอกว่าเป็นจุดขายก็ได้ครับ เพราะตัว Inzone ทั้ง 3 รุ่น เมื่อเปิดโหมดนี้ ทำให้เราเล่นเกมได้มันยิ่งขึ้น เสียงที่มาจากรอบทิศเว่อวังอลังการดีครับ ถือว่าเป็นอะไรที่เพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมได้ดีมากๆอีก 1 อย่างใน Sony Inzone ครับ

• ในรุ่น H7 และ H9 เชื่อมต่อแบบไร้สาย
  พอเป็นทั้ง 2 รุ่นนี้จะเป็นการเชื่อมต่อด้วยตัวส่งสัญญาณ 2.4GHz ครับ ทำให้หายห่วงเรื่องสายยาวไม่พอ สายใช้ไปนานๆแล้วจะขาดจะเปื่อย เชื่อมต่อเสถียรไม่ต้องห่วงเรื่องดีเลย์เลยครับ ใช้งานสะดวกคล่องตัวมากๆ
• ไมค์ที่ได้ Discord Certified ทำให้การจัดการเสียงรบกวนดีมากๆครับ เสียงรบกวนต่างๆรอบตัวไม่มีทะลุเข้ามาในไมค์เลยครับ หลังจากทดสอบเปิดเสียงรบกวนดังๆ ตัวไมค์ก็จัดการเสียงรบกวนได้เนียนกริ๊บครับ มั่นใจการสื่อสารกับเพื่อนๆขณะเล่นเกมได้แบบหายห่วงเลยครับ
• การดูหนัง ฟังเพลง
  ด้วยมิติเสียงที่กว้าง ให้ความลึก-ตื้นดี ทำให้ดูหนังสนุกสะใจครับ และใน 2 รุ่นทั้ง H7 H9 โทนเสียงจัดเต็มกว่า H3 ทำให้ยิ่งฟังเสียงต่างๆได้ครบยิ่งขึ้น สะใจยิ่งขึ้นครับ จะใช้ฟังเพลง ดูหนัง ก็ทำได้เยี่ยมทั้งคู่เลยครับ
• ด้านการฟังเพลง ด้วยความเป็นหูฟังเกมมิ่ง โทนเสียงที่จูนมาจึงเหมาะกับการเอาไปเล่นเกมมากกว่าครับ ถ้าถามว่าใช้ฟังได้ไหม ใช้ฟังได้สบายๆครับ แต่ถ้าต้องการฟังรายละเอียดเสียงร้อง ฟังรายละเอียดเครื่องดนตรี อาจจะไม่ตอบโจทย์เท่าไหร่ครับ หรือถ้าอยากจะเอาไปฟังเพลงจริงๆ เราก็สามารถปรับ EQ ในโปรแกรม Inzone Hub ได้เพิ่มเติมครับ
  **โทนเสียงทั้ง 3 รุ่นใกล้เคียงกันมากๆครับ จะมีแค่รุ่น H3 ที่โทนโดยรวมจะแห้งกว่า H7 และ H9 ครับ**
• รวมถึงสามารถปรับ EQ Preset สำหรับดูหนังได้ในโปรแกรม Inzone Hub อีกด้วยครับ
• การสวมใส่ สวมใส่สบายไม่บีบหูครับ
  ออกแบบมาได้ดีเลยล่ะครับ เพราะหูฟังเกมมิ่งเรื่องการสวมใส่สบาย ใส่ได้นานเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาแรกๆ เจ้า Sony Inzone ทั้ง 3 รุ่นทำได้ดีจริงๆครับ ใส่เล่นเกมกันได้ยาวๆ และปัญหาเดียวกันของทั้ง 3 รุ่นครับ เรื่องระบายความร้อนที่ยังทำได้ไม่ดีนัก ใส่ไปซักพักหูเหงื่อออกครับ โดยรวมหูฟัง Sony Inzone ทั้ง 3 รุ่น รูปร่างหน้าตาต่างๆแทบจะเหมือนกันครับ ในรุ่น H7 , H9 จะมีขนาดที่ใหญ่กว่านิดหน่อย ทำให้การสวมใส่สบายกว่า H3 นิดนึงครับ

• การใช้งานโปรแกรม Inzone Hub
  สามารถปรับ EQ ต่างๆตามที่เราต้องการ หรือเลือก Preset ที่ทาง Sony ปรับไว้ให้ รวมถึงปรับโหมดต่างๆ อย่าง 360 Spatial Sound , Dynamic Range รวมถึงเซ็ตความดังของไมโครโฟน

• สรุป เป็นหูฟังเกมมิ่งอีกตัวที่น่าสนใจจาก Sony โดยเจ้า Inzone เป็นรุ่นแรกที่ทาง Sony กระโดดเข้ามาทำหูฟังเกมมิ่งครับ ถึงแม้ว่าจะทำมาเพื่อซัพพอร์ต PS5 เป็นหลัก แต่ก็สามารถนำไปใช้เล่นเกม PC ได้สบายๆครับ ซึ่งในรุ่น H7 และ H9 จะเป็นแบบไร้สาย เชื่อมต่อด้วยตัวส่งสัญญาณผ่าน USB ทำให้การใช้งานสะดวกกว่า คล่องตัวครับ รวมถึงโทนเสียงต่างๆที่จัดเต็มกว่าในรุ่นเล็กอย่าง H3

• โดยรวมการจูนเสียงมาเพื่อเล่นเกมทำได้ดีเช่นเดิมครับ โทนเสียงต่างๆในภาพรวมเป็นโทนเดียวกันทั้ง 3 รุ่นครับ โดดเด่นที่ 360 Spatial Sound ที่แจ๋วจริงๆ รวมถึงปรับ EQ ได้ใน Inzone Hub และคิดว่าในอนาคตน่าจะมีอัพเดทฟีเจอร์ในโปรแกรมเข้ามาอีกแน่นอนครับ ใช้เล่นเกมดีจะ PS5 หรือ PC ก็ทำได้ดีทั้งคู่ครับ หรือจะใช้ฟังเพลง ดูหนัง ก็ทำได้ดี ไมค์ที่ยอดเยี่ยม การสวมใส่โอเค ถือว่าเป็นอีก 1 ตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆอีกตัวนึงครับ รวมถึงใครที่เป็นสาวก Sony ละก็ อยากให้เอาเจ้า Sony Inzone เป็น 1 ในตัวเลือกด้วยเช่นกันครับ

"นุ่มๆ นวลๆ ฟังสบาย ปรับ EQ ได้"

• ย่านเบส ให้มาเยอะกว่าในรุ่น H3 ครับ ชัดเจนทุกไลน์ ไม่ได้มาแต่หัวโน้ตแบบใน H3 แต่ถ้าถามว่าหนักหน่วงไหม? ก็ยังคงเป็นเบสแบบนุ่มๆไม่หนาครับ แต่สามารถฟังได้อรรถรสอยู่ มีแรงประทะให้เรารู้สึกอยู่ครับ ซึ่งก็เช่นเดิมเราสามารถปรับ EQ เพื่อเพิ่มเบสได้ใน Inzone Hub หรือขี้เกียจปรับ สามารถเลือก Preset Bass Boost ได้เลยครับ หนักสะใจแน่นอนครับ
• ย่านกลาง เสียงร้องเนียนนุ่ม เสียงเครื่องดนตรีชัดไม่ถอย นุ่มนวลและหนาขึ้นจาก H3 ครับ เป็นกลางที่ไม่แห้ง เสียงกีต้าร์ เสียงเครื่องดนตรีที่เล่นคอร์ดมีน้ำมีนวลครับ ฟังชัดไม่ถอย รวมถึงเสียงร้องที่ชัดเจนเช่นเดิม เนียนนุ่มฟังสบาย
• ย่านแหลม คงคาร์แร็คเตอร์คมชัดไว้เช่นเดิม เป็นย่านแหลมที่ให้ความรู้สึกเดียวกับ H3 ครับ คมๆ จิกๆ จะมีความนุ่มมากกว่า แต่ไม่มากนักครับ บางเพลงที่มิกซ์แหลมมาเยอะๆแอบมีจี๊ดๆบ้างครับ ซึ่งเราสามารถเข้าไปปรับ EQ เพิ่มลดได้ใน Inzone Hub เช่นเดิมครับ
• เวทีเสียง แยกเสียงทิศทางดีมาก ให้มิติเสียงตื้น-ลึก ใกล้-ไกลได้ดี ด้วยความเป็นหูฟังเกมมิ่งครับ จึงทำให้เด่นเรื่องเวทีเสียงและการแยกเสียงทิศทางครับ ทำให้ตอนเราฟังเพลงที่มีไลน์เครื่องดนตรีเยอะๆ สามารถฟังได้สบาย โปร่ง ไม่อึดอัดครับ
• สรุป ถูกจูนเสียงมาให้เหมาะกับการเล่นเกมครับ เจ้าหูฟังรุ่นนี้จึงโดดเด่นด้านการแยกทิศทาง จับความตื้น-ลึก ใกล้-ไกล ขณะเล่นเกม
• โดยรวม Sony Inzone H7 H9 โทนเสียงจะหนา นุ่ม ฟังเพลงได้โทนเสียงที่ครบกว่าครับ เพราะในรุ่น H3 แอบแห้งไปซักนิดครับ ถ้าถามว่าเอามาเน้นฟังเพลงได้ไหม อาจไม่เหมาะนักครับ แต่ถ้าถามว่าใช้ฟังได้ไหม ก็ต้องตอบว่าได้สบายๆครับ แต่ถ้าจะเน้นฟังเอารายละเอียดเนียนๆ ไดนามิกเครื่องดนตรีแจ๋วๆ อาจจะไม่ตอบโจทย์นัก แต่ถ้าเอาไปเล่นเกมละก็ แจ๋วจริง!!
  ** เสียงในรุ่น H7 และ H9 เหมือนกันครับ ต่างเพียงฟีเจอร์ในการใช้งานเท่านั้นครับ**
  **หลังจากทดลองมาทั้ง 3 รุ่น โทนเสียงใกล้เคียงกันมากๆครับ จะมีแค่ Inzone H3 ที่โทนเสียงในภาพรวมจะแห้งกว่า H7 และ H9 ครับ

425Audio สรุปชัดๆ

• หูฟังเกมมิ่งไร้สาย คุณภาพแจ๋วจาก Sony ที่ต้องบอกว่า กระโดดเข้ามาทำสายเกมมิ่งครั้งแรก ทำได้ดีเลยล่ะครับ ไม่ว่าจะเป็นการจูนเสียงที่เหมาะกับการเล่นเกม การสวมใส่ที่สบาย รวมถึงโปรแกรม Inzone Hub ที่สามารถเข้าไปปรับนู่นปรับนี่ ปรับ EQ ปรับฟังก์ชั่นต่างๆได้
• โดดเด่นที่ 360 Spatial Sound ที่ทำให้การเล่นเกมของเราสนุกยิ่งขึ้น ฟังเสียงแบบรอบทิศทาง เพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมได้ดีจริงๆครับ
• ในรุ่น H7 และ H9 เชื่อมต่อแบบไร้สาย สะดวกสบาย คล่องตัวขึ้นเยอะครับ รวมถึงโทนเสียงต่างๆจัดเต็มกว่า H3 ครับ
• หากใครกำลังมองหาหูฟังเกมมิ่งไว้ใช้เล่นกับ PS5 หรือ PC ก็อยากจะให้เอาแก๊ง Sony Inzone ทั้ง 3 รุ่น ร่วมเข้าไปเป็น 1 ในตัวเลือกครับ หรือเบื่อๆเล่นเกม จะเอาไปใส่นั่งดูหนัง ดู Youtube ฟังเพลง ก็ถือว่าทำได้เยี่ยมเช่นกันครับ สวมใส่สบาย ใส่ได้นานครับผม แถมในรุ่น H7 H9 ยังเชื่อมต่อแบบไร้สายอีกด้วยครับ สะดวกสบายสุดๆ ถือว่า Sony ทำได้ดีจริงๆครับสำหรับหูฟังเกมมิ่ง อยากให้ทุกท่านได้ลองครับ