รีวิวโซน “Tinker Bell” แฟรี่สุดฮ็อต ที่ 425° Flagship Store

รีวิวโซน “Tinker Bell” แฟรี่สุดฮ็อต ที่ 425° Flagship Store
30 เมษายน 2024 355 ผู้เข้าชม
รีวิวโซน “Tinker Bell” แฟรี่สุดฮ็อต ที่ 425° Flagship Store

          425° Collective ต้อนรับการเปิดตัว Disney’s Tinker Bell Collection อย่างยิ่งใหญ่ แปลงโฉม Exclusive Zone ด้วยบรรยากาศความสดใสของเฉดสีเขียว สีเอกลักษณ์ของแฟรี่ตัวน้อยที่ฮ็อตที่สุดของ Disney รายล้อมด้วยคาแรคเตอร์หน้าตาน่ารัก ผง Pixie Dust และ Oversized Element ราวกับว่าหลุดเข้าไปอยู่ในโลกของนางฟ้าตัวน้อยจริงๆ


          ใครที่ไปหน้าร้าน 425° Flagship Store ทั้ง 4 สาขาในช่วงนี้ จะได้เห็นแฟรี่ตัวน้อย Tinker Bell โบยบินมามอบรอยยิ้มและความสุข ผ่านเคส และ MagSafe Gadget รวมถึงการตกแต่งภายในร้านที่ทีมงาน 425° ทุกคนตั้งใจสร้างสรรค์เพื่อแฟนๆ ของ Tinker Bell, สาวก Disney และลูกค้าของ 425° คนพิเศษของเราโดยเฉพาะ

          เริ่มจาก 425° Flagship Store สาขา centralwOrld ที่จัดเต็มการตกแต่งตั้งแต่หน้าร้านและด้านข้าง โดยมี Tinker Bell หน้าตาน่ารัก ดูซุกซนคอยดึงดูดสายตา ซึ่งรับรองได้ว่าใครที่เดินผ่านมาจะต้องเผลอมองหน้าตาอันลิ้มละมุนของน้องทิงค์อย่างแน่นอน

          ด้านใน Exclusive Zone ของที่นี่ถูกแปลงโฉมให้เป็นเสมือน Studio สไตล์ Modern Art โดดเด่นด้วยโทนสี Monochrome Color เพื่อให้ดูมินิมอล ทันสมัย เข้าถึงง่าย ผสาน Identity ของ 425° แต่มีความสดใสด้วยเฉดสีเขียวที่เป็นเอกลักษณ์ของคาแรคเตอร์ และเป็นเสมือนตัวแทนของป่า Pixie Hollow ภายใต้คอนเซ็ปต์ที่อยากให้ทุกคนที่เดินเข้ามาได้รู้สึกว่าหลุดเข้ามาอยู่ในโลกของ Tinker Bell จริงๆ 

          ทั้งยังรายล้อมด้วยคาแรคเตอร์หน้าตาน่ารัก และผง Pixie Dust ราวกับว่ามีน้องทิงก์โบยบินอยู่รอบตัวของผู้คนที่เดินเข้ามาในโซนนี้

          Oversized Element ที่จัดเต็มบริเวณผนัง และพร็อพประกอบ ก็ออกแบบมาเพื่อตอกย้ำว่าน้องทิงค์เป็นนางฟ้าไซซ์จิ๋ว และคนที่เดินเข้าไปก็ตัวเล็กตัวน้อยเช่นกัน

          เพดานของห้องนี้ยังตกแต่งให้เป็นท้องฟ้า ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากท้องฟ้าของเกาะ Never Land โดยมี Element เป็น Pixie Dust ให้รู้สึกเหมือนกับว่า Tinker Bell โบยบินอยู่และกำลังโปรยปรายผง Pixie Dust ลงมา

          นอกจากการตกแต่งที่จัดเต็ม ยังมีการ Showcase ในส่วนของสินค้าทั้งคอลเลกชันภายในตู้กระจกที่ตกแต่งเป็นธีมต่างๆ ตามลวดลาย


          เริ่มจากตู้แรกซ้ายสุดที่ประกอบด้วยเคสและ Back Cover ลวดลาย Tinker Bell & Peter Pan และ Tinker Bell Sticker เป็นตู้ที่มีฉากหลังเป็นฟากฟ้าของกรุง London สังเกตได้จากเงาของ London Bridge, London Eye และ หอนาฬิกา Big Ben ซึ่งล้อไปกับซีนที่ Peter Pan กำลังพา Wendy John และ Michael Darling บินอยู่บนฟากฟ้าเหนือกรุงลอนดอน ก่อนจะเดินทางไปยังเกาะ Never Land ด้วยกัน


          ตู้ที่ 2 ประกอบด้วยเคสและ Back Cover ลวดลาย Tinker Bell Pixie Dust กับฉากหลังที่เป็นการจำลอง Pixie Hollow ตกแต่งด้วยดอกเดซี่สีขาว ให้รู้สึกราวกับว่าน้องทิงค์นั่งอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้ในดินแดนแห่งนางฟ้าจริงๆ


          ตู้ถัดมาเป็นเคสและ Back Cover ลวดลาย Tinker Bell Pixies Rule คู่กับ MOFT Snap-on Phone Stand & Wallet with MagSafe มีฉากหลังเป็นเงาของตะเกียง ประดับด้วยหลอดด้าย เข็ม กระดุม และกุญแจสีทอง ซึ่งล้วนเป็น Symbolic ที่สื่อถึงแฟรี่น้อย Tinker Bell ได้ชัดที่สุด 


          และตู้สุดท้ายเป็นการ Showcase เคส iFace First Class Disney Tinker Bell Collection ในธีมที่ต้องการสื่อถึงความสดใสร่าเริง ซึ่งในความน่ารักของดีไซน์ และความเป็นเอกลักษณ์ของเคสแบรนด์ iFace ทีมงานจึงมองว่าเป็นเคสที่ควรค่ากับการถ่ายรูปขณะไป Picnic ในสวนดอกไม้

          ทั้งยังมีการนำสินค้าจริงมาวางเรียงรายทั้งคอลเลกชันให้ลูกค้าและแฟนๆ ของ Tinker Bell ได้จับ ได้ลองและเล่นกันด้วยตัวเอง มีทั้งเคส, Back Cover และ Stand & Wallet ซึ่งเป็น MagSafe Gadget ที่ขายดี No.1 


          คนที่สนใจสามารถถอดเคสและ Back Cover จากเครื่องโมเดล มาลองใส่กับเครื่องของตัวเองได้เลย เพื่อรู้เลยว่าสีเครื่องที่ใช้อยู่เหมาะกับลวดลายแบบไหน และจะได้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น

          มีให้ลองตั้งแต่รุ่น iPhone 15 Pro Max, iPhone 15 Pro, iPhone 14 Pro Max, iPhone 14 Pro, iPhone 13 Pro Max และ iPhone 13 Pro ซึ่งถ้าใครมองหาสินค้าตัวอย่างจากรุ่นในลิสต์นี้ไม่เจอ สามารถเปิดลิ้นชักบนสุดแล้วเลือกลองได้เลย

          ส่วนถ้าลูกค้าคนไหนที่ชอบการถ่ายรูป ก็มาลอง Selfie คู่กับเคส Tinker Bell Collection ที่มุมกระจกตรงนี้ได้

          ขณะที่ 425° Store สาขา Central Westville ก็มีการตกแต่งด้านหน้าของ Case Ring ให้เป็น Exclusive Zone จาก Disney’s Tinker Bell Collection โดยยังคงคอนเซ็ปต์เดิมคือการเล่นกับเฉดสีเขียว และ Element ต่างๆ


          โดยมีแรงบันดาลใจมาจาก Scene ลิ้นชักในห้องนอนของ Wendy ที่น้องทิงค์เข้าไปติดด้านใน และมีแสงสีทองลอดมาจากช่องกุญแจ ดีไซน์เนอร์จึงออกแบบให้ Shape ของสีเขียวบนพื้นเป็นเสมือนแสงที่ส่องมาจาก Display ซึ่งเป็น Gimmick ที่อยากให้แฟนๆ นึกถึงฉากแรกที่สำคัญของเรื่อง Disney’s Peter Pan

          ในส่วนของ Display มีการเรียงรายเคส, Back Cover และ Stand & Wallet พร้อมกับเครื่องโมเดลให้ลองสวมใส่ ทั้งยังมีปุ่มกดหลากหลายสีให้ลอง Custom ด้วยตัวเอง


          รวมถึงความพิเศษของลิ้นชักบน Display ที่ทีมงานออกแบบ มาจากการผสาน Symbolic ของน้องทิงค์เข้ากับ Identity ของ 425° Store ที่มีเคสให้ลอง มีของให้เล่นอยู่ในลิ้นชัก

          สำหรับ 425° Store สาขา Emsphere ใน Exclusive Zone ก็มีการจัด Display คอลเลกชันนี้ในธีมเดียวกัน พร้อมกับเครื่องโมเดลที่เรียงรายไว้ให้ลูกค้าและแฟนๆ ของ Tinker Bell ได้ลอง Custom ด้วยตัวเอง ตั้งแต่ขอบ Bumper, แผ่น Back Cover และปุ่มกดหลายหลายสี 


          รวมทั้งยังมีเคสจากแบรนด์ iFace และ MOFT Stand & Wallet ในคอลเลกชันนี้ให้ทดลองใช้งานกันอีกด้วย

          425° Store สาขา Mega Bangna ถึงแม้ว่าจะไม่มีการจัด Display เนื่องจากขนาดพื้นที่ใช้สอยที่ค่อนข้างจำกัด แต่ก็มีสินค้าครบทั้งคอลเลกชันให้ลูกค้าและแฟนของน้องทิงค์ในละแวกนี้ได้สัมผัส ได้ลองเล่นของจริงกันอย่างครบถ้วน

          ความพิเศษของ Disney’s Tinker Bell Collection จาก 425° ยังไม่ได้หมดเพียงแค่นั้น คอลเลกชันนี้เรายังได้ทำในรูปแบบ Box Set จัดเต็มสินค้าทั้งคอลเลกชัน ครบทุกลายจากทั้ง 3 แบรนด์ ที่รับรองได้ว่าต้องจะรู้สึกเซอร์ไพรส์ในความละลานตาตั้งแต่เปิดกล่อง และตกหลุมรักตั้งแต่วินาทีแรกที่พบเห็นอย่างแน่นอน

          ปิดท้ายความพิเศษของคอลเลกชันด้วย Packaging สุด Exclusive ที่ลูกค้าของเราที่น่ารักทุกคนจะได้รับเมื่อซื้อสินค้าชิ้นใดก็ได้ในคอลเลกชัน ไม่ว่าจะซื้อที่หน้าร้าน 425° Store ทั้ง 4 สาขา หรือช่องทางออนไลน์ที่  www.425degree.com/tinker-bell ก็รับถุงที่น่ารักที่สุดแบบนี้ไปได้เลย 


          ใครที่ซื้อ Disney’s Tinker Bell Collection ไปแล้ว หรือแวะเวียนเข้ามาถ่ายรูปที่หน้าร้าน อยากให้มาเป็นส่วนหนึ่งใน 425° Collective Collection นี้ด้วยกัน ด้วยการโพสต์รูปถ่ายความน่ารักของน้องทิงค์บนโซเชียลมีเดียทั้ง Facebook และ Instagram พร้อมใส่แฮชแท็ก #425degree #425Collective พวกเราทีม 425° รอชมอยู่ :))))

Related posts