หูฟังบลูทูธไร้สายทรง Full-size
ตัวไหนดี ?
เสน่ห์ของหูฟังบลูทูธไร้สายทรง Full-size ที่ทำให้ผู้ที่ชื่นชอบใช้หูฟังทรงนี้คือ “ความกว้างใหญ่ของมิติเสียง” ที่มีขนาดใหญ่ และให้ความรู้สึกคล้ายเสียงเพลงโอบล้อมมากกว่าหูฟังทรง earbud และ in-ear อีกทั้งยังใส่สบาย ไม่ระคายเคืองหูอีกด้วย
แต่ในปัจจุบัน หูฟังบลูทูธไร้สายมีเทคโนโลยีที่ก้าวกระโดดมากๆ (ราคาก็ก้าวกระโดดเช่นกัน) และหูฟังบลูทูธไร้สายทรง Full-size ที่คุณภาพดีๆ มักมีราคาค่าตัวที่เริ่มตั้งแต่หมื่นต้นๆขึ้นไป ทำให้เพื่อนๆหลายท่านที่สนใจหูฟังไร้สายทรงนี้ อาจจะยังสับสนหรืออยากรู้ความแตกต่างของหูฟังบลูทูธไร้สายทรง Full-size ว่าแต่ละยี่ห้อต่างกันอย่างไร
วันนี้ทีมงาน 425Audio เลยหยิบหูฟังบลูทูธไร้สายตัวทรง Full-size ดังๆที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายขึ้นมาทำการรีวิวเปรียบเทียบถึง 5 ตัวด้วยกัน เพื่อให้เพื่อนๆได้รู้ข้อแตกต่างถึงหูฟังบลูทูธไร้สายทรง Full-size ของแต่ละแบรนด์ดัง เพื่อที่เพื่อนๆจะได้ใช้ประกอบพิจารณาในการเลือกหูฟังบลูทูธไร้สายคู่ใจสักตัว ได้ถูกตามสไตล์การใช้งานของตัวเอง ถ้าอยากรู้แล้วว่ามีตัวไหน และแต่ละตัวมีข้อดีอย่างไรบ้าง เราไปดูกันเลยครับ
#1 Sony WH-1000XM4
ราชันย์หูฟังตัดเสียงรบกวน
Active Noise Cancelling
”Sony” ชื่อนี้ ไม่มีใครไม่รู้จัก และ Sony WH-1000XM4 เป็นหูฟังบลูทูธไร้สายที่ประสบความสำเร็จในแง่ของผู้ผลิตอย่างมาก จุดเด่นที่ทำให้นักเล่นหูฟังต่างต้องยกนิ้วให้คือโหมดตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancelling ที่ตัดเสียงได้เงียบที่สุดเป็นเบอร์ต้นๆของหูฟังบลูทูธไร้สายทรง Full-size อีกทั้งยังมีระบบสุดเฉพาะตัวที่หูฟังแบรนด์อื่นลอกเลียนแบบไม่ได้นั่นคือระบบ Adaptive Sound แบบ real-time ที่หูฟังจะทำการปรับระดับความเงียบของโหมดตัดเสียงรบกวนให้อัตโนมัติโดยอิงจากสภาพแวดล้อมรอบตัวผู้ใช้งาน ซึ่งเป็นระบบที่ผู้ใช้งานหลายท่านและโดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ชาวอารยธรรม” จะชื่นชอบระบบนี้เป็นพิเศษครับ
และด้วยดีไซน์ ขนาด และนํ้าหนักที่เรียกว่า “เบามากๆ” ทำให้ Sony WH-1000XM4 เป็นหูฟังบลูทูธไร้สายทรง Full-size ที่ใส่สบาย ใส่นานๆก็ไม่รู้สึกหนักหัว ปวดคอ หรือปวดขมับเลย แต่จุดสังเกตุคือโฟม earpad ที่ทำเป็นหนังๆ ทำให้เวลาใส่ใช้งานในที่อากาศร้อนๆแบบบ้านเราอาจจะมีเหงื่อได้
จุดสังเกตุอีกหนึ่งจุดของ Sony WH-1000XM4 คือไมค์คุยโทรศัพท์ ที่จากการทดสอบของทีมงาน 425Audio แล้วพบว่ามันใช้คุยโทรศัพท์ข้างนอกได้ยังไม่ดีนัก เพราะเมื่อคุยโทรศัพท์แล้วรอบข้างมีเสียงรถเสียงคนดังๆ ปลายสายจะได้ยินชัดและดังมาก อีกทั้งเสียงพูดเรายังวูบวาบ ทำให้ปลายสายฟังเราพูดได้ลำบาก แต่หากใช้คุยโทรศัพท์หรือประชุมงานในพื้นที่ส่วนตัวเงียบๆ ก็สามารถใช้คุยได้ดีครับ
แนวเสียงของ Sony WH-1000XM4 เป็นแนวเสียงที่ฟังง่าย ถูกจริตรสนิยมคนไทยส่วนมาก เนื่องจากเสียงสไตล์ Sony จะเน้นหนักที่เสียงย่านตํ่า ที่ออกได้หนักหน่วงแต่ยังรักษาระดับของตัวเอง เสียงร้องจะถอยหลังเล็กน้อย แต่เสียงคำร้องได้ยินชัดเจน เสียงแหลมจะมีความใสกำลังดี ไม่ทึบและไม่จัดมาก ซึ่งใช้ฟังเพลงตลาดที่นิยมในบ้านเราได้อย่างดี ฟังสนุกและฟังง่ายมากๆ อีกทั้งยังใช้ดูหนังได้สนุกมากๆอีกด้วยครับ
เหมาะกับใคร ?
- ผู้ที่หาหูฟังบลูทูธไร้สายที่นํ้าหนักเบา ใส่สบาย
- ผู้ที่เน้นใช้โหมดตัดเสียงรบกวน ANC ที่อยากได้เงียบที่สุด
- ผู้ที่ชอบใส่หูฟังดูหนัง
#2 Edifier Stax Spirit S3
ไดร์เวอร์ Planar Magnetic
“เสียงดีสุดทะลุกราฟเสียง”
Edifier Stax Spirit S3 เป็นหูฟังบลูทูธไร้สายน้องใหม่ ที่ทั่วโลกเริ่มยอมรับมากขึ้นเรื่อยๆในเสียงเดียวกันว่า “ คุณภาพเสียงมันดีจนน่าทึ่ง “ ซึ่งมาจากขุมพลังของไดร์เวอร์ Planar Magnetic ที่อยู่ในหูฟังตัวนี้ ความดีงามของไดร์เวอร์ประเภทนี้คือ “มีค่าความผิดเพี้ยนของเสียงที่ตํ่ากว่าไดร์เวอร์ประเภทอื่น หรือเกือบจะไม่มีเลย” นั่นทำให้เวลาเราฟังเพลงกับ Edifier Stax Spirit S3 ตัวนี้ เราจะได้ยินรายละเอียดเสียงดนตรีที่สมจริง ราวกับมาบรรเลงให้ฟังตรงหน้าจริงๆ
ต้องบอกเลยว่าไดร์เวอร์ Planar Magnetic ของ Edifier Stax Spirit S3 ก็ไม่ธรรมดา เพราะเค้าใช้เทคโนโลยีโครงสร้างไดร์เวอร์จากหูฟังแบรนด์ดัง Audeze ที่เปรียบดั่งระดับเดียวกับแบรนด์รถหรู Porche ของวงการหูฟังเลยทีเดียว อีกทั้ง ยังสามารถปรับเสียง EQ Presets ได้ 3 โทน และหนึ่งในนั้นมีโทนเสียงของหูฟังแบรนด์ STAX แบรนด์หูฟังระดับตำนานที่นักเล่นหูฟังที่หมดเงินไปนับแสนต่างรู้ชื่อเสียงเรียงนามของหูฟังแบรนด์นี้กันเป็นอย่างดี
ในแง่ของการใช้งานก็ทำได้ดีครับ Edifier STAX Spirit S3 สามารถใช้คุยโทรศัพท์ได้ดีทั้งในที่ที่มีเสียงรบกวนและที่เงียบๆ สามารถเชื่อมต่อได้ 2 อุปกรณ์พร้อมกันสำหรับใส่นั่งทำงานหน้าคอม และมี Game Mode ที่เล่นเกมแทบจะไม่รู้สึกดีเลย์ทั้ง iOS และ Android
แต่จุดสังเกตุที่ต้องพิจารณาคือ ไม่มีโหมดตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancelling ซึ่งทีมงานแอบเดาความตั้งใจของ Edifier ว่า เค้าน่าจะตั้งใจตั้งแต่แรกที่จะไม่ใส่โหมดตัดเสียงรบกวนนี้เข้ามาในหูฟังตัวนี้เนื่องจากอาจเล็งเห็นว่าโหมดนี้อาจก่อให้เกิดสัญญาณรบกวนในวงจร ซึ่งอาจมีผลกับคุณภาพสัญญาณเสียงก็เป็นได้ แต่ยังดีครับที่ Edifier Stax Spirit S3 ดีไซน์แบบปิด (closed-back) ทำให้ขณะใส่ฟังเพลงมันกันเสียงรอบๆตัวได้ส่วนนึงครับ
แนวเสียงของ Edifier Stax Spirit S3 เป็นแนวเสียงที่ทีมงาน 425Audio ชื่นชอบกันอย่างมาก ซึ่งแนวเสียงของมันจะออกแนวบาลานส์ ที่มวลเสียงของแต่ละย่านให้ความอวบอิ่ม เข้มข้น และขับรายละเอียดออกมาได้กระจ่างชัดคล้ายกับเอื้อมมือไปจับต้องมันได้จริงๆ เสียงนักร้องมีความโดดเด่น มวลเสียงอวบใหญ่ ได้ยินชัดถ้อยชัดคำ และถ่ายทอด dynamic เสียงหนัก-เบาได้สมจริงมาก แนวเสียงแบบนี้ ฟังสนุกตั้งแต่เพลงตลาดทั่วไปตลอดไปจนถึงเพลงแนว audiophile ที่ผ่านกรรมวิธีการอัดเสียงมาอย่างพิถีพิถันได้อย่างยอดเยี่ยม ตอบโจทย์นักฟังเพลงที่ซีเรียสในคุณภาพเสียงมากๆครับ
เหมาะกับใคร ?
- นักฟังเพลงที่ซีเรียสในคุณภาพเสียง อยากได้หูฟังที่เสียงดีที่สุด
- คนที่มี Dac/Amp ตั้งโต๊ะ สามารถเสียบสาย 3.5 มม. เพื่อ matching เสียงได้
- คนที่ทำงานหน้าคอมเป็นประจำ คุยชัด ต่อหูฟัง 2 อุปกรณ์พร้อมกันได้
- คนที่มองหาหูฟังบลูทูธไร้สายไดร์เวอร์ Planar Magnetic ที่พับได้ พกพาง่าย นํ้าหนักเบา และใส่สบาย
#3 Technics EAH-A800
ตอบโจทย์การคุยโทรศัพท์ได้ดี
Technics EAH-A800 เป็นแบรนด์หูฟังในเครือ Panasonic ที่โด่งดังมาจากการทำลำโพงและเครื่องเล่นแผ่นเสียง turn-table แต่ในด้านของหูฟังไร้สายของแบรนด์นี้ก็ไม่ธรรมดา ยกตัวอย่างเช่นเจ้า Technics EAH-A800 ตัวนี้ ที่มีฟีเจอร์การใช้งานที่เกือบครบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีไมโครโฟนครับ
เทคโนโลยีไมโครโฟนที่ใช้ตอนคุยโทรศัพท์ของ Technics มีชื่อว่า Noise-suspension ที่สามารถกรองเสียง noise ขณะเราคุยโทรศัพท์ได้อย่างเฉียบขาด เรียกว่าใช้คุยในที่เสียงดังๆปลายสายแทบไม่ได้ยินเสียงบรรยากาศรอบตัวของเรา อีกทั้งคุณภาพเสียงพูดก็อยู่ในระดับดี ถึงแม้เสียงพูดจะมีความเป็นธรรมชาติน้อย เสียงค่อนข้างแบนและแหลมเกินไป แต่ก็ยังให้ความชัดเจนของเสียงพูดได้อย่างดี
จุดสังเกตุที่ทีมงาน 425Audio มองเห็นในตัว Technics EAH-A800 ตัวนี้คือ “วัสดุและการออกแบบ” ที่ดูไม่ค่อยสมราคาเท่าไหร่ วัสดุและแป้น ear-crushion ดูคล้ายกับหูฟังราคาหลักพัน และขอบของก้านหูฟัง ear-crushion ดูไม่ค่อยเรียบเนียนหากเปรียบกับหูฟังระดับราคาเดียวกันอย่าง Sony WH-1000XM4 หรือ Edifier STAX Spirit S3
แนวเสียงของ Technics EAH-A800 จะโดดเด่นที่ย่านเสียงเบสที่ออกมวลใหญ่ หนา หัวโน๊ตกระแทกได้คมฟังสนุก แต่จุดสังเกตุคือเสียงเบสจะค่อนข้างเบลอในช่วงหางเสียง หรือเก็บตัวได้ไม่ไวนัก ทำให้เวลาเราฟังเพลงที่มีปริมาณเสียงเบสเยอะอย่างเพลงแนว Pop หรือ R&B สมัยใหม่ หางเสียงเบสอาจฟาดไปโดนเสียงย่านร้องและเสียงย่านแหลมทำให้ฟังดูไม่เปิดหรือไม่กระจ่างชัด แต่ในภาพรวมแล้ว หากท่านที่เป็นชาว basshead ชอบเสพเสียงเบสหนักๆอย่างเดียว และไม่ได้ซีเรียสรายละเอียดเสียงย่านร้องและเสียงย่านแหลมมากนัก ท่านอาจจะชอบครับ
เหมาะกับใคร ?
- ผู้ที่เน้นคุยโทรศัพท์เสียงชัด ตัดเสียง noise ขณะคุยเงียบๆ
- ผู้ที่ชอบเสียงแนวเบสหนัก ไม่ซีเรียสเรื่องรายละเอียดเสียงร้องและเสียงแหลม
#4 Hifiman Deva Pro
ดีไซน์ Open-back เปิดหลัง เวทีเสียงโปร่งกว้าง
และเสียงขี้ฟ้องมากๆ
Hifiman Deva Pro เป็นหูฟังบลูทูธไร้สายไดร์เวอร์ Planar Magnetic ที่เน้นหนักในเทคโนโลยีที่เสริมเกี่ยวกับคุณภาพเสียง การดีไซน์สุดเฉพาะตัวที่ทาง Hifiman เรียกว่า Stealth Magnet Design และมี Bluetooth dongle ที่ใช้ชิพแปลงสัญญาณ DAC ตัวดังที่นักเล่นหูฟังคุ้นเคยอย่างดี Hifiman HiMALAYA DAC
จุดเด่นที่น่าสนใจอย่างมากของหูฟังตัวนี้คือ “คุณภาพเสียง” ที่ยอดเยี่ยมมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการถ่ายทอดรายละเอียดเสียงต่างๆของเสียงดนตรีทุกๆชิ้นในเพลง ที่ทำให้เราได้ยินได้แบบ “ได้ยินทุกเม็ด” และด้วยดีไซน์ที่เป็นแบบเปิดหลัง Open-back ทำให้มิติเสียงมีความกว้างขวางเป็นอย่างมาก และให้ความรู้สึกโปร่งสบายที่สุดขณะฟังเพลง
แต่จุดสังเกตุของ Hifiman ที่อาจไม่เหมาะกับผู้ใช้งานบางสไตล์คือ “การรั่วไหลของเสียง” เพราะด้วยความที่ดีไซน์มาแบบ open-back ทำให้เวลาเราฟังเพลง เสียงจะรั่วออกไปนอกหูฟังดังมากพอสมควร หรือในระดับที่คนรอบๆตัวสามารถเพ่งฟังเพลงที่เราฟังได้อย่างชัดเจน อีกทั้ง มันไม่ซีลเสียง ถ้าต้องการเสพเสียงดนตรีได้แบบครบทุกย่านที่สุดอาจต้องฟังในที่เงียบๆ ถ้าฟังเพลงในที่เสียงดังๆ เสียงรบกวนรอบๆตัวอาจเข้ามารบกวนบรรยากาศเสียงเพลงของเราได้
อีกทั้ง ด้วยการดีไซน์ของ ear crushion ที่มีขนาดใหญ่มาก ทำให้การสวมใส่เดินออกไปข้างนอกอาจจะลำบากสักเล็กน้อย (แอบดูตลกๆด้วย) นั่นทำให้สไตล์การใช้งานของ Hifiman Deva Pro เหมาะกับใช้ฟังเพลงอยู่ในที่ส่วนตัวภายในบ้านมากกว่าเอาออกไปใช้งานนอกบ้านครับ
เหมาะกับใคร ?
- ชาว audiophile ที่เน้นฟังเพลงอย่างจริงจัง เน้นฟังเพลงในที่ส่วนตัว
- ผู้ที่ชอบหูฟังที่ขับรายละเอียดออกมาได้คมชัดทุกอณูที่สุด และชอบมิติเสียงที่ฟังโปร่งที่สุด
- คนที่มี Dac/Amp ตั้งโต๊ะ สามารถเสียบสาย 3.5 มม. เพื่อ matching เสียงได้
#5 Apple Airpods Max
หูคู่แท้ชาว iOS
คงไม่ต้องบรรยายใดๆกับชื่อเสียงของ Apple Airpods Max กันมากเนื่องจากเพื่อนๆหลายคนต่างรู้จักมันกันดีอยู่แล้ว Apple Airpods Max จัดว่าเป็นหูฟังบลูทูธไร้สายคู่แท้ชาว iOS และชาว Macintosh เนื่องจากการเชื่อมต่อที่มีความเป็น ecosystem ที่สูงที่สุดในตลาด ซึ่งตอบโจทย์มากกับผู้ที่ใช้อุปกรณ์ Apple หลายเครื่องเช่น ใช้โทรศัพท์ iPhone ใช้ Macbook Pro หรือ iMac และหากใช้ Apple Airpods Max จะทำให้วิ่งสลับใช้งานระหว่างอุปกรณ์ Apple ได้อย่างรวดเร็ว ไร้รอยต่อที่สุดครับ
อีกทั้ง เรื่องไมค์คุยโทรศัพท์ของ Apple Airpods Max จัดว่าใช้คุยได้ดีที่สุด กรองเสียง noise ตอนคุยโทรศัพท์ได้จนปลายสายแทบไม่ได้ยิน อีกทั้งยังให้คุณภาพเสียงพูดที่เป็นธรรมชาติสูงมากจนคล้ายเหมือนพูดคุยกันต่อหน้า
มีวัสดุที่พรีเมี่ยมสไตล์ Apple และมีดีไซน์ที่มีความเป็นเทคแฟชั่นที่สวยงามน่าใช้ แต่จุดพิจารณาคือมันมีนํ้าหนักที่มากที่สุดในบรรดาหูฟังบลูทูธไร้สาย 5 ตัวนี้ และด้วยความที่มีนํ้าหนักมาก เวลาใส่ใช้งานนานๆอาจจะเมื่อยคอ หรือปวดหัวได้เนื่องจากก้านหูฟังค่อนข้างบีบรัดพอสมควรครับ
ในด้านของแนวเสียงก็ต้องบอกเลยว่าเสียงดี แต่หากเทียบกับหูฟังตัวอื่นๆใน 5 ตัวนี้ ก็ต้องบอกเลยว่า Apple Airpods Pro มีคุณภาพเสียงที่จืดและดูธรรมดาไปเสียหน่อย เสียงจะออกแนวบาลานส์ๆ มวลเสียงไม่ค่อยอวบกลม แต่ก็เป็นแนวเสียงที่ฟังง่าย ใช้ฟังเพลงทั่วๆไปแบบไม่คิดอะไรก็ได้ความเพลิดเพลินไปอีกแบบครับ
และนี่ก็เป็นรีวิว การเปรียบเทียบ และมุมมองความคิดเห็นของทีมงาน 425Audio ที่มีกับหูฟังบลูทูธไร้สายทรง Full-size ทั้ง 5 ตัวนี้ ซึ่งหวังว่าเนื้อหาในบทความนี้จะช่วยให้เพื่อนๆที่กำลังตัดสินใจเลือกใช้หูฟังบลูทูธไร้สายทรง Full-Size ดีๆสักตัวนึง ได้เลือกพิจารณาจุดเด่นจุดด้อยของหูฟังแต่ละตัว เพื่อที่จะได้เลือกใช้ได้ตรงตามสไตล์การใช้งานของเพื่อนๆได้ไม่มากก็น้อย ขอขอบคุณทุกๆท่านที่สละเวลาอ่านบทความนี้ และหากผิดพลาดประการใด ทีมงาน 425Audio ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย สวัสดีครับ
สนใจสั่งซื้อหูฟังกับเรา 425Audio ได้ที่นี่ :